- ใน 10 ประเทศที่มีการสำรวจ สหรัฐอเมริการั้งอันดับรองสุดท้าย โดยมีพ่อแม่ไม่ถึง 1 ใน 3 ที่จำกัดการบริโภคน้ำตาลของลูก
- สหราชอาณาจักรรั้งอันดับสูงสุด โดยพ่อแม่เกินครึ่งจำกัดการบริโภคน้ำตาลของลูก
- พ่อแม่ที่พาลูกไปตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละครั้งมีไม่ถึงครึ่ง
สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก (FDI World Dental Federation: FDI) มอบหมายให้บริษัท YouGov ทำการสำรวจใน 10 ประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งผลปรากฏว่า มีพ่อแม่ไม่ถึงครึ่งที่จำกัดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น ลูกกวาด น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ เพื่อปกป้องสุขภาพฟันของลูก
ผลสำรวจดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ก่อนถึงวันทันตสาธารณสุขโลก (World Oral Health Day: WOHD) ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มีนาคมของทุกปี โดยมาจากการสอบถามพ่อแม่ที่มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปี ว่า "คุณเคยทำสิ่งเหล่านี้เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของลูกหรือไม่" ผลที่ได้เผยให้เห็นว่า มีพ่อแม่ในสหรัฐอเมริกาไม่ถึง 1 ใน 3 ที่จำกัดการบริโภคน้ำตาลของลูก ส่วนพ่อแม่ในสหราชอาณาจักรกระตือรือร้นมากที่สุด โดยพ่อแม่เกินครึ่งจำกัดการบริโภคน้ำตาลของลูก นอกจากนี้ พ่อแม่ในสหราชอาณาจักรยังพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละครั้งมากที่สุด ส่วนอีก 9 ประเทศมีพ่อแม่ที่พาลูกไปตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละครั้งไม่ถึงครึ่ง
Dr. Gerhard K. Seeberger ประธาน FDI กล่าวว่า "โรคในช่องปากเป็นภาระจากโรคที่สามารถป้องกันได้ และผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากตั้งแต่เด็ก"
โรคในช่องปากมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกับโรคไม่ติดต่ออื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง นอกจากนั้นยังมีความไม่เท่าเทียมทางสุขภาพอันเป็นผลมาจากภาระของโรคไม่ติดต่อ
Dr. Seeberger กล่าวว่า "สาขาวิชาสุขภาพช่องปากเป็นความรู้เฉพาะทางที่แยกออกมาจากอายุรศาสตร์ แต่การถกเถียงกันเรื่องน้ำตาลตลอดหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของการทำงานโดยไม่สื่อสารกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะถกเถียงกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงกับโรคอ้วน หากไม่มีการพิจารณาผลกระทบที่เด่นชัดของน้ำตาลที่มีต่อสุขภาพช่องปากของเด็ก"
สุขภาพช่องปากยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขโลกที่ถูกมองข้ามมากที่สุด น่าเศร้าที่โรคในช่องปากเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 3.58 พันล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ทั้งที่สามารถป้องกันได้ ทั้งนี้ โรคในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือก และโรคมะเร็งช่องปาก เป็นโรคไม่ติดต่อที่สามารถป้องกันได้ที่พบบ่อยที่สุด และส่งผลกระทบตลอดชีวิต โดยทำให้เกิดความเจ็บปวด ไม่สบาย ทำให้เสียโฉม หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต ความล้มเหลวในการป้องกันโรคในช่องปากสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกราว 4.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ปัญหาสุขภาพช่องปากถูกมองข้ามก็คือค่ารักษาแพง โรคในช่องปากเป็นโรคที่มีค่ารักษาแพงที่สุดเป็นอันดับ 4 ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดแรงผลักดันทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมา การกำหนดนโยบายสุขภาพมีการแยก "สุขภาพปาก" ออกจาก "สุขภาพกาย"
ผลสำรวจเผยว่า พ่อแม่ในสหรัฐอเมริการั้งอันดับรองสุดท้ายในคำถามที่ว่าได้มีการจำกัดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงหรือไม่ (เช่น ลูกกวาด น้ำอัดลม น้ำผลไม้) โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 32% ที่จำกัดการบริโภคน้ำตาลของลูก ส่วนผลสำรวจในประเทศอื่น ๆ ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร (52%), สวีเดน (44%), ออสเตรเลีย (41%), จีน (41%), โมร็อกโก (40%), ฝรั่งเศส (37%), ฟิลิปปินส์ (36%), อียิปต์ (32%) และ อาร์เจนตินา (30%)
ผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่า พ่อแม่ 41% ในสหรัฐอเมริกาพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละครั้ง ส่วนผลสำรวจในประเทศอื่น ๆ ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร (63%), อาร์เจนตินา (47%), ฝรั่งเศส (42%), สวีเดน (41%), ออสเตรเลีย (37%), ฟิลิปปินส์ (31%), จีน (18%), โมร็อกโก (12%) และอียิปต์ (11%)
วันทันตสาธารณสุขโลกปีนี้มีการให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นให้ประชาชน ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมพลังกันรักษาสุขภาพช่องปาก
เกี่ยวกับการสำรวจ
ข้อมูลตัวเลขที่ปรากฏทั้งหมดมาจากบริษัท YouGov Plc. เว้นแต่ระบุว่ามาจากที่อื่น โดยได้มาจากการสำรวจผู้ใหญ่ 11,552 คน ซึ่ง 4,056 คนในจำนวนนี้มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปี การสำรวจโดยลงพื้นที่จริงจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2561 และมีการสำรวจออนไลน์ด้วย ข้อมูลมีการถ่วงน้ำหนักและเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปในประเทศ โดยจำนวนพ่อแม่ที่มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปีแบ่งตามประเทศได้ดังนี้ สหราชอาณาจักร (468 คน), ออสเตรเลีย (311 คน), อียิปต์ (463 คน), ฟิลิปปินส์ (506 คน), ฝรั่งเศส (357 คน), สหรัฐอเมริกา (295 คน), โมร็อกโก (386 คน), สวีเดน (272 คน), จีน (529 คน) และอาร์เจนตินา (469 คน)
เกี่ยวกับวันทันตสาธารณสุขโลก
วันทันตสาธารณสุขโลก ตรงกับวันที่ 20 มีนาคมของทุกปี ริเริ่มขึ้นโดยสมาพันธ์ทันตแพทย์โลก เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงการป้องกันและควบคุมโรคในช่องปาก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.worldoralhealthday.org หรือแฮชแท็ก #WOHD20 #UniteForMouthHealth
พันธมิตรระดับโลกของวันทันตสาธารณสุขโลกคือ Unilever ส่วนผู้สนับสนุนวันทันตสาธารณสุขโลกประกอบด้วย 3M, Planmeca, Wrigley Oral Healthcare Program
เกี่ยวกับสมาพันธ์ทันตแพทย์โลก
สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก เป็นตัวแทนของทันตแพทย์กว่า 1 ล้านคนทั่วโลก สมาชิกขององค์กรประกอบด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและสมาคมทันตกรรมระดับชาติกว่า 200 แห่ง ในกว่า 130 ประเทศ พันธกิจขององค์กรคือการเป็นผู้นำในการทำให้ประชากรโลกมีสุขภาพช่องปากที่ดี สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fdiworlddental.org/, facebook.com/FDIWorldDentalFederation, twitter.com/FDIWorldDental
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: Michael Kessler, Michael Kessler Media, มือถือ: +34 655 792 699, อีเมล: [email protected]
อินโฟกราฟิก - https://mma.prnewswire.com/media/1123889/World_Oral_Health_Day_2020_Infographic.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1123888/FDI_World_Dental_Federation_Logo.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit