ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่มีการประกาศประเทศกลุ่มเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในขณะนี้ ทำให้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยได้ออกมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดมากขึ้น
ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศที่รองรับทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติด้วยสัดส่วน 50:50 เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามีทีมทำงานที่เป็นฝ่ายควบคุมโรคและศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยติดตามสถานการณ์โรคต่างๆ ทั่วโลก และทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและปรับการบริหารจัดการเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ในแต่ละวันที่เปลี่ยนไป เนื่องด้วยเป็นโรงพยาบาลระดับสากลที่มีผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและต่างชาติด้วยสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยบำรุงราษฎร์ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเชื้อไวรัสนี้จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ โดยมีการประชุมเพื่อหาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยของทุกส่วน เนื่องด้วยเรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงทีมทำงานที่มีประสบการณ์จากการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคเมอร์ส และโรคซาร์ส ในอดีต
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ บำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงความจำเป็นกรณีเจ็บป่วยและมีนัดหมายกับแพทย์ แต่ด้วยผู้ต้องการมาใช้บริการส่วนหนึ่ง อาจยังไม่พร้อมที่จะเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลในช่วงนี้ โรงพยาบาลจึงได้เปิดบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” เพื่อมารองรับการดูแลผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว โดยผู้ต้องการใช้บริการสามารถโทรผ่านสายด่วน 1378 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการรับสายตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน เพื่อเข้าสู่ 3 บริการหลักๆ ได้แก่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์ยังได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกมาตรการการเฝ้าระวังสถานการณ์และตรวจคัดกรองไวรัสโควิด–19 ขั้นสูงสุด ซึ่งเทียบได้ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) และยังมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยปรับการบริหารจัดการตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง
ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า “เนื่องด้วยโรงพยาบาลมีห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และที่สำคัญมีทีมแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ที่ชำนาญการสามารถถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกต้องตามหลักการประเมินมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล บำรุงราษฎร์จึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งในระดับประเทศ และได้รับใบประกาศนียบัตรให้เป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังได้ดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย ผู้ใช้บริการบุคลากรของโรงพยาบาลฯ และชุมชน เพิ่มขึ้นด้วยมาตรการขั้นสูงสุด รวม 8 มาตรการ ได้แก่
สืบเนื่องจากการรับรองให้บำรุงราษฎร์เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งที่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้นั้น ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และเดินทางมาเพื่อขอตรวจไวรัสโควิด-19 ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็น ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต ขออธิบายว่า การตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเองนั้น ต้องขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายสงสัยระดับปานกลางและในระดับสูงที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีความจำเป็นในการตรวจเท่านั้น เนื่องด้วยปัญหาที่พบคือ จำนวนชุดตรวจที่ใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของห้องปฏิบัติการเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนจำกัดอย่างมาก จึงจำเป็นต้องสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่น่าสงสัยเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขาดแคลนของชุดตรวจในยามจำเป็น จึงขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่หน่วยงาน บริษัทต่างๆ รวมถึงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เนื่องด้วยที่ผ่านมา พบว่าบางคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีความต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้ที่ยังไม่มีไข้ ไม่มีอาการแล้วมาตรวจแล็บ ซึ่งผลตรวจในขณะนั้นจะออกมาเป็นลบ (Negative) แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะผ่านพ้นระยะฟักตัวจนครบ 14 วันไปแล้ว คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ เมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้แยกตัวเฝ้าสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน ใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก หรือออกไปในที่ชมุชน หรือพบปะผู้คน กินอาหารปรุงสุก ยึดหลักสุขอนามัยพื้นฐานง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เป็นต้น และหากเริ่มมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางตามความเป็นจริง
นาย โชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ 3 องค์กรพันธมิตร นำโดยประธานการจัดกิจกรรม นาย ชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ และ ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เภสัชกรหญิง อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และนาย สาธิต ลิปตะสิริ ประธานกรรมการ บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหาร
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ขยายความร่วมมือกับไอบีเอ็ม ด้วยไอบีเอ็มคลาวด์และบริการ SAP Managed Services
—
วันนี้ ไอบีเอ็มและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล...
บำรุงราษฎร์ ชูบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” พร้อมเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาขั้นสูงสุด (COVID - 19)
—
ท่ามกลางสถานการณ...
ภาพข่าว: จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน วิชั่น ร่วมแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีภายในการประชุมวิชาการนานาชาติ APAO 2019
—
มร. ฟู เพียว เชง Regional Commercial Direc...
ภาพข่าว: “ไวไว” จัด CSR “เด็กแดงไวไว ส่งเสริมเด็กไทยใส่ใจโภชนาการ”
—
นางสาว กรรณิการ์ ภิญโญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด(บริหารผลิตภัณฑ์) บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อา...
วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ประสานความร่วมมือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผลิตบัณฑิตพยาบาลศาสตร์มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
—
วิทยาลัยเซนต์หลุยส์...