นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ผู้นำตลาดด้านจัดงานแสดงนิทรรศการและการประชุมระดับนานาชาติของไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และคลังสินค้า ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก ซึ่งในปี2561 ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกว่า 215,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจขนส่งสินค้าทางบก 145,100-147,300 ล้านบาท และธุรกิจคลังสินค้า 5,500-76,700 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตสูงกว่า 5.3-7% ต่อปี และยังมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภายในคลังสินค้า และช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางสำหรับการเจรจา และพบกับคู่ค้าทางธุรกิจ บริษัทฯ พร้อมด้วย ชมรมเทคโนโลยีคลังสินค้าและระบบจัดการ, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจัดงาน "Intelligent Warehouse 2019" นิทรรศการทางด้านอินทราโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร สร้างศูนย์รวมนวัตกรรมการขนส่ง, อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และระบบการจัดการภายในคลังสินค้าอัจฉริยะ อาทิWarehousing, Material Handling, Intralogistics System, Storage, Warehouse Management, และ Cold Chain
"งาน Intelligent Warehouse ครั้งที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในครั้งนี้เราจึงได้จัดงานขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำศักยภาพเทคโนโลยีคลังสินค้า และการจัดการคลังสินค้า ที่มีความก้าวไกลในด้านนวัตกรรมที่มากขึ้น มีผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 40 รายเข้าร่วมในงานปีนี้ อาทิเช่น บริษัท SSI Schaefer Systems International Co. Ltd, บริษัท Interroll (Thailand) Co.,Ltd,บริษัท BYD Auto Co., Ltd., บริษัท LPI Rack Range (Thailand) Corp.,Ltd., บริษัท Cheng Hua (Thailand) Co., Ltd.และ บริษัท MURATA (THAILAND) CO., LTD. และอื่นๆอีกมากมาย และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน ซึ่งจะทำให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจ และต่อยอดเกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการคลังสินค้าภายในธุรกิจเพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการในอนาคต"
ภายในงาน จะมีการจัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับโลจิสติกส์และคลังสินค้าอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น พาเลท, รถยกและแบตเตอรี่, ระบบการจัดเก็บ, ระบบบาร์โค้ด, การเคลื่อนย้ายสินค้า พร้อมเปิดประสบการณ์ การเรียนรู้ใหม่ๆ ให้ผู้เข้าชมงาน ผ่านการแสดงขั้นตอนการทำงานของระบบคลังสินค้าทุกขั้นตอน หรือ Intralogistics Demonstration Zone สัมผัสแนวคิดเชื่อมโยงความสำคัญของแต่ละอุปกรณ์ สู่การต่อยอดทางความคิดเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าให้มีความทันสมัยและมีความอัจฉริยะ พร้อมลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ในงานยังมีกิจกรรมพัฒนาองค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์มากมาย อาทิ เวทีสาธิตด้านอินทราโลจิสติกส์, เวทีสัมมนา, อินทราโลจิสติกส์คลินิค จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา แนะแนวทางในการดำเนินการด้านคลังสินค้าจากอาจารย์ด้านโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้ในหลากหลายหัวข้อ สร้างเครือข่ายเชื่อมต่อความร่วมมือธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เสริมสร้างศักยภาพด้านคลังสินค้า ดึงเม็ดเงินการลงทุนสู่ประเทศไทย ต่อยอดอุตสาหกรรมไทย 4.0 ให้เติบโตอย่างมั่นคง เสริมความแข็งแกร่งสร้างการยอมรับในตลาดสากล นำพาประเทศไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียนอย่างยั่งยืน
ด้าน นายสราวุธ เล้าประเสริฐ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอสเอสไอ เชฟเฟอร์ ซิสเต็มส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด - ประธานชมรมเทคโนโลยีคลังสินค้าและระบบการจัดการ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภายในคลังสินค้า ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจและที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้ามีตลาดสำหรับการเจรจาพบคู่ค้าทางธุรกิจได้โดยตรง รวมทั้งเสริมองค์ความรู้การทำงาน จากเวทีสัมมนาและกิจกรรมสาธิตอีกมากมาย ที่สำคัญการจัดแสดงนิทรรศการสินค้าครบวงจร ทั้ง LOGISTICS IT, Warehousing, Material Handling, Intralogistics System, Manage and Service และ Cold Chain จะช่วยตอบโจทย์ สนองความต้องการได้ในทุกส่วน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพต่อไปในอนาคต
ทางด้าน นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เสริมเพิ่มเติมว่า การยกระดับเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ คือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะเข้ามาเสริมสร้างระบบการค้าให้เติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการที่จะได้สัมผัสกับระบบการทำงานภายในคลังสินค้า พร้อมพบกับงานสัมมนาที่ตอบโจทย์ อาทิ งานสัมมนา Endgame as a Smart Logistics 4.0 for Competitive and Sustainable Business โดยหอการค้าไทย รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน และระหว่างลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจที่ตรงกัน สร้างความพร้อมในการพัฒนาการธุรกิจต่อไปในอนาคต ที่สำคัญงาน Intelligent Warehouse 2019จะมีส่วนช่วยดึงงานแสดงสินค้านานาชาติ ให้มาจัดในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เดินทางมาร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าของเอเชียอีกด้วย
ในส่วนของงาน Intelligent Warehouse 2019 ถือเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าที่ สสปน. เล็งเห็นถึงศักยภาพของงาน เพราะในปัจจุบันธุรกิจคลังสินค้าเติบโตไปในทิศทางที่ค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งทางถนน รถไฟ ท่าเรือและสนามบินในหลายพื้นที่ โดยคลังสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นคลังสินที่มีระบบจัดการสินค้าพร้อมระบบจัดการโลจิสติกส์ที่ทันสมัย รวมทั้งคลังสินค้าห้องเย็นควบคุมอุณหภูมิที่ตลาดยังมีความต้องการอีกมาก โดยจะเป็นรูปแบบการพัฒนาที่จะคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานมากขึ้น อีกทั้งจะเห็นการพัฒนาคลังสินค้าที่ไม่ต้องใช้พื้นขนาดใหญ่แต่เน้นระบบการบริหารจัดการที่สะดวกรวดเร็ว เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce ที่เข้ามามีบทบาทมากในยุคปัจจุบัน เพราะมีการซื้อขายออนไลน์ที่มากขึ้น ระบบการจัดการและการขนส่งก็ต้องเพิ่มมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จโลจิสติกส์ไทย บนเวทีโลจิสติกส์ระดับโลก ในงาน Intelligent Warehouse 2019 ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2562 ศูนย์แสดงสินค้า IMPACT Exhibition Center Hall 5 อิมแพ็คเมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร 02-640-8013 หรืออีเมล [email protected]
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit