โดยโครงการดังกล่าว "น้ำดื่มสิงห์" ได้ใช้จุดแข็งของแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างและถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการมีช่องทางจำหน่ายและกระจายสินค้าทั่วถึงและครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทย ผสานกับการใช้ฉลากน้ำดื่ม เป็นพื้นที่สร้างประโยชน์ในการเป็น อีกหนึ่งช่องทางเพื่อช่วยตามหาน้องๆ ให้กลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ บริษัทฯยังคาดหวังให้ผู้บริโภคทุกคนช่วยกันโพสต์รูปเหล่านี้จากฉลากน้ำดื่มสิงห์ ลงบนสื่อสังคมออนไลน์(social media)ของตัวเอง เพื่อจะกระจายให้สังคมได้รับรู้และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ ตามหาเด็กทั้ง 5 คนนี้ด้วย
นายภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแนวความคิดนี้ เปิดเผยว่า "ปัญหาเด็กหายเป็นอีกปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เป็นพ่อแม่ของน้องๆที่หายไปว่าทุกข์ทรมานขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมถามตัวเองว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง วันหนึ่งผมพบว่าเราน่าจะใช้ฉลากน้ำดื่มสิงห์เป็นอีกช่องทางการสื่อสารที่ช่วยในการติดตามได้และได้ติดต่อไปยังมูลนิธิกระจกเงาทันที เพื่อประสานการทำงานร่วมกัน จนสำเร็จเป็นโครงการ 'คืนดวงใจให้แม่ return heart to home' ในวันนี้"
ด้านนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวย้ำว่า โครงการ "คืนดวงใจให้แม่ return heart to home" โดยน้ำดื่มสิงห์ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือทางสังคมที่จะช่วยพาเด็กหายกลับคืนสู่ครอบครัว เพราะเด็กทั้ง 5 คนที่ทางมูลนิธิฯเลือกมา ถือเป็นกรณีที่ค่อนข้างยาก ใช้สื่อหลายประเภท ในการตามหาแล้วแต่ยังไม่พบ
"การใช้ฉลากน้ำดื่มสิงห์เป็นเครื่องมือช่วยตามหาเด็กหาย เป็นการเปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ ที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึง ถือเป็นความหวังอีกครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการใช้สื่อที่กระจายไปทั่วประเทศผ่านผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์แล้ว ยังเป็นกระตุ้นสังคมว่าการตามหาเด็กหายเป็นภารกิจที่ทุกคนในสังคมจะมีส่วนร่วมกัน เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กหายทุกคน ให้ปลอดภัย และพาดวงใจของแม่กลับบ้าน"
นอกเหนือจากทำฉลากพิเศษบนบรรจุภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ บริษัทฯยังจัดทำคลิปวิดีโอ นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของครอบครัว "น้องเท็น" หรือเด็กชายชัยภาส ด่านเกื้อกูล ที่หายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี จนปัจจุบันอายุ 24 ปี เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์อีกด้วย เป็นการผสานสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงใช้สื่อทุกช่องทางของบริษัทฯ ทั้งระบบ Intranet เพื่อให้พนักงานและบริษัทในเครือกว่า 50 บริษัท รวมถึงพลังของตัวแทนจำหน่ายซึ่งกระจายอยู่ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ในการช่วยกันประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่มี เช่น สื่อ Digital Signage สื่อ LED สื่อ Cable ท้องถิ่น และป้าย Banner เป็นต้น ซึ่งสื่อต่างๆเหล่านี้ จะช่วยสร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเด็กหาย อีกทั้งยังทำให้มีการระมัดระวัง และป้องกันปัญหาเด็กหายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ในแต่ละปีสามารถติดตามเด็กสูญหายได้สำเร็จกว่า 90 % ขณะเดียวกันยังมีสถิติเด็กที่หาย มายาวนานมากกว่า 5 ปี และยังหาไม่พบประมาณ 1% ดังนั้น น้ำดื่มสิงห์ ขอเป็นอีกหนึ่งความช่วยเหลือ ที่จะตามหาเด็กเหล่านี้ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแด่แม่เนื่องในวันแม่ปีนี้
สำหรับสถิติเด็กอายุระหว่าง 0 – 18 ปี ที่หายไป(ข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงา) มีดังนี้ ปี 2559 จำนวน 418 คน พบแล้ว 387 คน (92.58 %) ปี 2560 จำนวน 403 คน พบแล้ว 365 คน (90%) ปี 2561 จำนวน 309 คน พบแล้ว 265 คน (85.76%) ปี 2562 (สถิติ ณ เดือน กรกฎาคม) จำนวน 153 คน พบแล้ว 124 คน (81.06%)
น้ำดื่มสิงห์จัดพิมพ์ฉลากเด็กหายบนขวดน้ำดื่มสิงห์ขนาด 750 มิลลิลิตร(มล.) และ 600 มล. เนื่องจากเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมดื่มเป็นจำนวนมากและพกพาสะดวก โดยเบื้องต้นจะผลิตกว่า 20 ล้านขวด ครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งร้านค้าทั่วไป(Traditional Trade) ห้างค้าปลีกสมัยใหม่(Modern Trade) รวมถึงร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวจะจำหน่ายตลอดทั้งเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน
ข้อมูลประกอบเด็ก 5 ราย ที่หายไป
1. เด็กชายชัยภาส ด้านเกื้อกูล (น้องเท็น)
อายุ ขณะที่หายไป 11 ปี
อายุ ปัจจุบัน 24 ปี
บริเวณหายไป จากบ้านที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ตำหนิ ไฝที่ข้อมือซ้าย แผลเป็นที่หางคิ้วข้างขวา
2. เด็กชายนฤดล เยื้อนหนูวงศ์ (น้องโอ๊ต)
อายุ ขณะที่หายไป 8 ปี
อายุ ปัจจุบัน 25 ปี
บริเวณหายไป จากบ้านที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ตำหนิ รอยแผลเป็นที่คิ้วขวา
3. เด็กหญิงจีรภัทร ทองชุม (น้องจีจี้)
อายุ ขณะที่หายไป 9 ปี
อายุ ปัจจุบัน 17 ปี
บริเวณหายไป บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
4.เด็กหญิงเบญรัตน์ วงษ์ประจันต์ (น้องพลอย)
อายุ ขณะที่หายไป 4 ปี
อายุ ปัจจุบัน 17 ปี
บริเวณหายไป บริเวณตลาดนัดคลองหลวง จ.ปทุมธานี
ตำหนิ แผลเป็นที่ใต้รักแร้ข้างซ้าย
5. เด็กชายเดชาวัต ยาต่อ (น้องเจต)
อายุ ขณะที่หายไป 12 ปี
อายุ ปัจจุบัน 17 ปี
บริเวณหายไป จากบ้าน ที่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit