ล่าสุดในงานแถลงข่าวเตรียมจัดการประกวดเชียร์ลีดดิ้งชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 15 ประจำปี 2562 "Lactasoy Thailand National Cheerleading Championship 2019" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19-20 ตุลาคม 2562ณ สนามกีฬานิมิบุตร ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โดยในปีนี้แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.เชียร์ลีดดิ้ง รูปแบบ Full Team 16 คน และ รูปแบบ Small Group 5 คน 2.เชียร์แดนซ์ รูปแบบ ทีม 16 คน และ รูปแบบทีมคู่ 2 คน
บริษัท แลคตาซอย จำกัด ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการประกวดอย่างเป็นทางการ เป็นไปตามความตั้งใจของแลคตาซอยที่มุ่งส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีสุขภาพที่ดี เล่นกีฬาด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และรู้จักการทำงานเป็นทีม ซึ่งการประกวดดังกล่าว มีความเป็นมาตรฐานเดียวกับระบบการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยหลังจากที่แข่งขันในระดับประเทศจนได้ทีมผู้ชนะเลิศจะเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติต่อไป
"ที่ผ่านมาแลคตาซอย ได้มีส่วนในการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภท ซึ่งการที่แลคตาซอยเป็นผู้สนับสนุนหลักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในครั้งนี้ เป็นเพราะเล็งเห็นศักยภาพของเยาวชนไทย เห็นได้จากการคว้ารางวัลและเป็นแชมป์ในหลายเวทีทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของแลคตาซอยที่มุ่งสนับสนุนเยาวชนให้ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ ส่งเสริมทักษะด้านกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาเชียร์ลีดดิ้งที่ต้องใช้ทักษะและความทุ่มเทในการขยันฝึกซ้อม และเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันเป็นทีม สอดคล้องกับคอนเซปต์ของแลคตาซอยเช่นกัน นั่นคือ "พลังของคนทุ่มเท" นอกจากนี้ยังสะท้อนความสดใส ความแข็งแรง สุขภาพดีฟิตแอนด์เฟิร์ม ในแบบฉบับของผู้ที่ดื่มนมถั่วเหลืองแลคตาซอยอีกด้วย" นางสาวพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด กล่าวถึงการสนับสนุนกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในครั้งนี้
เสียงเล็กๆ จากน้องๆ เยาวชนที่มาเปิดใจถึงความรู้สึกในการก้าวเข้ามาในวงการกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความรักในการเต้น และต่างได้รับประโยชน์จากกีฬาประเภทนี้ทั้งในด้านของร่างกายที่แข็งแรง รวมไปถึงจิตใจที่แข็งแกร่ง"ชาญณรงค์ กุลศิริ" หรือ "อาร์ท" กับตันทีม RSUCheer กล่าวว่า "รู้สึกดีใจที่มีหลายหน่วยงานเห็นความสำคัญของเยาวชนและให้การสนับสนุนกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง ซึ่งตนเองนั้นเริ่มต้นเข้าสู่กีฬานี้ในช่วงที่เรียน ปวช. จากเดิมที่เล่นกีฬาฟุตบอลและไม่มีพื้นฐานการเต้นอะไรเลย แต่เมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับกีฬานี้ทำให้รู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากหมั่นฝึกซ้อมและทำตามคำแนะนำและเทคนิคของโค้ชก็จะได้รับความปลอดภัย ปัจจุบันเป็นกัปตันทีมให้กับมหาวิทยาลัยรังสิต และความภาคภูมิใจคือการได้เป็นกำลังสำคัญในการนำทีมคว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 2015 ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป้าหมายในอนาคตตนอยากจะเป็นโค้ชเพื่อปูพื้นฐานให้กับนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในรุ่นเล็ก"
"นาดา บุญยี่" หรือ "น้องนาดา" หนึ่งในสมาชิกทีม Monkey Norty กล่าวว่า "เดิมเป็นคนชอบเต้นและมีพื้นฐานกีฬายิมนาสติกอยู่แล้ว เคยได้เดินสายไปประกวดเต้นตามสถานที่ต่างๆ และได้เห็นว่ามีการประกวดเชียร์ลีดดิ้ง รู้สึกสนใจจึงได้เริ่มเข้าสู่กีฬาเชียร์ลีดดิ้งตั้งแต่อายุ 7 ปี จนปัจจุบันอายุ 10 ปี อยู่ในทีมมีตำแหน่งฐาน รู้สึกสนุกมาก และตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปแข่งขันในเวทีต่างๆ แม้ว่าการอยู่ในตำแหน่งฐาน ระหว่างซ้อมจะมีอาการขาทรุดบ้างแต่ก็ไม่เคยรู้สึกท้อ เพราะมีเพื่อนๆ ในทีมช่วยกันปลอบใจ สิ่งที่ได้รับจากกีฬานี้คือความแข็งแรงของร่างกาย รวมทั้งได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และตนเองจะเล่นกีฬานี้ไปเรื่อยๆ รวมทั้งดีใจที่มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน จึงอยากบอกกับเพื่อนๆ และคนที่สนใจว่าการจะเข้ามาเป็นนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง สิ่งสำคัญคือต้องมีระเบียบวินัย อดทน ขยันฝึกซ้อม ก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ค่ะ"
"พริ้มอลิต ตั้งนามประเสริฐ" หรือ "น้องโฟน" สมาชิกทีม Monkey Norty กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นในการเข้ามาเป็นนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง มาจากการเป็นนักกิจกรรมของโรงเรียน และตนเองมักถูกคัดเลือกให้แสดงหรือเต้นในงานโรงเรียนทุกครั้ง คุณแม่เห็นว่าเราชอบเต้นจึงส่งไปเรียนเชียร์แดนซ์ และได้เข้ามาเป็นนักกีฬาในทีมซึ่งขณะนั้นอายุ 6 ปี ปัจจุบันอายุ 9 ปี อยู่ในทีมมีตำแหน่งยอด รู้สึกสนุกและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ต่อตัวขึ้นยอด แม้ว่าจะเคยได้รับอุบัติเหตุในระหว่างฝึกซ้อมแต่ไม่กลัวและไม่ท้อ คิดอยู่ในใจเสมอว่าถ้าเราท้อและล้มเลิกกลางคัน สิ่งที่เราเรียนมาจะสูญเปล่า และขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้การสนับสนุนกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง อยากฝากถึงน้องๆ เพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคนที่สนใจกีฬานี้ว่าให้เข้ามากันเยอะๆ เพราะทำให้เราฝึกความอดทน มีความรับผิดชอบ ทั้งยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วยค่ะ"
ท้ายที่สุด สิ่งที่ทุกคนอยากเห็นสำหรับวงการกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในประเทศไทย นั่นคือ การมีเยาวชนที่เก่ง ๆ และสามารถพัฒนาทีมเพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก ซึ่งเป้าหมายในอนาคต 8-12 ปี หากกีฬาเชียร์ลีดดิ้งถูกบรรจุเข้าไปเป็นอีกหนึ่งประเภทในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเยาวชนไทยได้รับการสนับสนุนที่ดี สามารถฝึกซ้อมอย่างถูกวิธี เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลกอย่างแน่นอน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit