นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1/2562 มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 2,359 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 2,300 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายเชิงปริมาณเพิ่มขึ้นราว 5% ซึ่งเป็นผลจากผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ทูน่า และปริมาณขายในธุรกิจจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น บางส่วนเป็นผลจากการบันทึกยอดขายวัตถุดิบทูน่าเป็นรายได้จากการขาย จากเดิมบันทึกหักต้นทุนขาย และมีการขายผลิตภัณฑ์ปลาป่นมากขึ้น
สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ราว 139 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6% โดยอัตรากำไรของกลุ่มผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็งปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หมึก ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสัตว์น้ำปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ยังสามารถควบคุมได้ในระดับเดียวกับปีก่อน ในขณะที่ต้นทุนของเงินทุนต่ำลง สนับสนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 27 ล้านบาท
"ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ มองเห็นพัฒนาการและแนวโน้มที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ที่มีการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ มุ่งเน้นขยายตลาด ควบคู่การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการควบคุมวัตถุดิบ เลือกรับคำสั่งซื้อที่มีผลตอบแทนดี มีอัตรากำไรในระดับที่น่าพอใจ จำกัดปริมาณซื้อวัตถุดิบให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสต็อก และการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมการให้สินเชื่อที่เข้มงวดในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ทำให้ในไตรมาส 1/2562 ไม่มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้กำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 124% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1 ของปีก่อน" นายสมศักดิ์ กล่าว
สัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีสัดส่วนประมาณ 37% และ 31% ของรายได้รวมตามลำดับ ทั้งนี้ ASIAN มองธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จะเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนมากที่สุดภายในปีหน้า เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเติบโตสูง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายตลาดในกลุ่มประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และมีโอกาสเกิดแบรนด์ใหม่ บริษัทฯ จึงเร่งรุกตลาด โดยบริษัทฯ เริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ มองชู ซึ่งเป็นแบรนด์ของตนเองไปยังประเทศจีนตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มขายในไตรมาส 2 พร้อม ๆ กับการขายในประเทศไทย ในขณะที่ตลาดสำคัญในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และในกลุ่มประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก และในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมี่ยม ASIAN ในฐานะผู้ผลิตไทยชั้นนำ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งมีการปรับกลยุทธ์ และคาดว่าจะมียอดขายทรงตัว หรืออาจลดลง โดยบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง สู่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า (Value-Added) อย่างเต็มรูปแบบให้รวดเร็ว ลดการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ พร้อมหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ
ธุรกิจทูน่า มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 14% ของรายได้รวม มียอดขายเพิ่มขึ้น 13% จากการที่บริษัทฯ ปรับตัวหาตลาดเฉพาะทาง มีอัตรากำไรดีขึ้น และธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของรายได้รวม ก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 9% และธุรกิจจัดจำหน่าย มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 8% ของรายได้รวม มียอดขายเพิ่มขึ้น 13%
ล่าสุด ในเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้บริษัท Thaiya Corporation (Shanghai) Co.,Ltd. (บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดยบริษัท เอเชี่ยน กรุ๊ป เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 100% ของ ASIAN ) เข้าซื้อหุ้นสามัญสัดส่วน 51% ในบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในประเทศจีน ส่วนที่เหลืออีก 49% บริษัทเดิมถืออยู่ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนราว 47.69 ล้านบาท เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจเข้าสู่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด หรือ Dry Pet Food ในประเทศจีน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2562 จากนั้น บริษัทฯ จะให้บริการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด หรือ Dry Pet Food ทั้งภายใต้แบรนด์ของตนเอง และภายใต้แบรนด์ของลูกค้าภายในปี 2562
สำหรับ แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2562 คาดว่า ASIAN จะเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายตลาด และโฟกัสธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต มีความสามารถในการทำกำไร สนับสนุนผลงานทั้งปีรายได้เติบโต 11% หรือรายได้รวมอยู่ที่ 10,700 ล้านบาท จากปีก่อนรายได้รวมอยู่ที่ 9,740 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit