5 องค์กรรวมใจตั้งทุ่นกักขยะแม่น้ำเจ้าพระยา แก้ปัญหาขยะลอยน้ำไหลสู่ทะเล

18 Jun 2019
หน่วยงานรัฐและภาคเอกชน จับมือแก้ไขปัญหาขยะต้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตั้งทุ่นกักขยะยาว 250 เมตร บนพื้นที่บางกระเจ้า ลดปริมาณขยะในแม่น้ำ ปกป้องระบบนิเวศทางทะเล ด้าน บมจ.มั่นคงเคหะการ อุดหนุน 2 เรื่องหลัก ทุ่นยาว 150 เมตร และเรือยนต์เก็บขยะ
5 องค์กรรวมใจตั้งทุ่นกักขยะแม่น้ำเจ้าพระยา แก้ปัญหาขยะลอยน้ำไหลสู่ทะเล

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562 หน่วยงานรัฐและเอกชน ประกอบด้วย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ และบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการจัดการขยะลอยน้ำด้วยทุ่นกักขยะ (BOOM) รวม 250 เมตร บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ตำบลบางน้ำผึ้งหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 จ.สมุทรปราการ เพื่อจัดการปัญหาขยะลอยน้ำในบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่คุ้งบางกระเจ้า และลดปริมาณขยะก่อนออกสู่ท้องทะเลซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ประเทศไทยติดอันดับที่ 6 ของโลกที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ท้องทะเลมากที่สุดของโลก (จากผลการสำรวจของ เจนนา อาร์. แจมเบ็ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา) เนื่องจากไทยมีจำนวนขยะจำนวนมากที่ยังมีการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้มีขยะตกค้างจำนวนมาก โดยข้อมูลล่าสุดปี 2560 ขยะมูลฝอยในไทยมีปริมาณ 27.40 ล้านต้นต่อปี คิดเป็นคนไทยสร้างขยะ 1.13 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ในจำนวนดังกล่าวมีการนำขยะไปกำจัดอย่างถูกต้อง 11.70 ล้านตัน นำไปรีไซเคิล 8.52 ล้านตัน ขยะที่เหลือจำนวน 7.18 ล้านตันกำจัดไม่ถูกต้อง และปล่อยให้เกิดการปนเปื้อนออกสู่สิ่งแวดล้อม กลายเป็นแหล่งกำเนิดของขยะทะเล โดยสัดส่วนร้อยละ 80 ของขยะทะเลมีแหล่งกำเนิดจากพื้นที่บนบกไหลผ่านปากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเล กระทบต่อสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะส่งผลต่อการตายของสัตว์ทะเลหายาก จากการเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร และระบบนิเวศ เปลี่ยนแปลง

การติดตั้งทุ่นกักขยะจะช่วยดักขยะที่ถูกพัดพามาบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าบริเวณพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า และป้องกันขยะไหลลงสู่ท้องทะเลได้ โดยผลการศึกษาปริมาณขยะปากแม่น้ำของ ทช.จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน พบว่าขยะทะเลลอยน้ำที่ไหลผ่านปากแม่น้ำที่ความลึก 2 เมตร ในช่วงน้ำลงบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณ 1,425 ตันต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งสร้างปัญหา แก่คนในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า จากการระบายน้ำจากคลองบางนา (บริเวณข้างวัดบางนา นอก) คลองบางอ้อ คลองพระโขนง และขยะจากเรือลากจูงทราย เรือขนส่งที่มาจอดหยุดพักรอน้ำขึ้น - น้ำลง บริเวณตำบลบางน้ำผึ้ง ก่อนที่จะลอยทะลักเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา

"การติดตั้งทุ่นกักขยะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาขยะตั้งแต่ต้นทาง และลดปริมาณขยะไหลสู่ทะเล ได้ถึงร้อยละ 80 ของขยะทะเลที่มีแหล่งกำเนิดจากพื้นที่บนบกไหลผ่านปากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเล และยังได้ส่งกระทบต่อสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะส่งผลต่อการตายของสัตว์ทะเลหายาก ทั้งนี้ ทช. ได้นำขยะที่ได้มา ทำการศึกษาวิจัยเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในลดผลกระทบด้านต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดต่อทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของทุ่นกักขยะซึ่งเป็นรูปแบบนำร่องเพื่อพิจารณาขยายผลในพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย" นายปิ่นสักก์ กล่าว

ด้านนางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นพื้นฐานหนึ่งของการมีสุขภาวะที่ดี หรือ Well-being โดยได้สนับสนุนโครงการจัดการขยะลอยน้ำบริเวณปากแม่น้ำ โดยทุ่นกักขยะ (BOOM) ณ อบต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการที่มีส่วนช่วยในการลดปริมาณขยะที่ล่องลอยจากฝั่งออกสู่ท้องทะเล และช่วยสัตว์ทะเล ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการกินขยะ

"บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาขยะที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยได้สนับสนุนทุ่นกักขยะ พร้อมติดตั้งในพื้นที่ อบต.บางน้ำผึ้ง หมู่ที่ 1 บริเวณร้าน Bangkok Tree House และหมู่ที่ 3 บริเวณท่าเรือแลพระนคร ความยาวรวม 150 เมตร พร้อมสนับสนุนเรือยนต์จัดเก็บขยะจำนวน 1 ลำ เพื่อมอบให้ อบต.บางน้ำผึ้ง ใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ของส่วนรวมในการบริหารจัดการขยะ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดปริมาณขยะลอยน้ำลงสู่ทะเลและพื้นที่บางกระเจ้า อันจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นอีกด้วย" นางสาวดุษฎี กล่าว

HTML::image(