กรมส่งเสริมฯ เผยเกษตรกรกว่าพันครัวเรือน ได้สิทธิ์รับความช่วยเหลือกรณีปลูกพืชหลังนาแล้ว

          กรมส่งเสริมฯ เผยเกษตรกรกว่าพันครัวเรือน ได้สิทธิ์รับความช่วยเหลือกรณีปลูกพืชหลังนาแล้ว
กรมส่งเสริมการเกษตร เผยเกษตรกรกว่าพันครัวเรือน ได้สิทธิ์รับความช่วยเหลือกรณีปลูกพืชหลังนาแล้ว ทยอยยื่นรายชื่อรับเงิน ล็อตแรก สำราญ สาราบรรณ์7 มิ.ย.6ทะเบียนเกษตรกร ย้ำภาคใต้ยังสมัครได้ถึง สำราญ สาราบรรณ์5 ส.ค.6ทะเบียนเกษตรกร
          นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากรายงานติดตามความก้าวหน้าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี ทะเบียนเกษตรกร56สำราญ สาราบรรณ์/6ทะเบียนเกษตรกร พบเกษตรกรแจ้งขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี ทะเบียนเกษตรกร56สำราญ สาราบรรณ์/6ทะเบียนเกษตรกร เพื่อเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดยผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการระดับตำบลเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ และกรรมการระดับอำเภอลงนามแล้ว กว่า สำราญ สาราบรรณ์,784 ครัวเรือน ในพื้นที่รวม สำราญ สาราบรรณ์8,344 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ สำราญ สาราบรรณ์4 มิ.ย.6ทะเบียนเกษตรกร) โดยการสมัครเข้าร่วมโครงการ แบ่งเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ประกอบด้วย พื้นที่ภาคใต้ สามารถปรับปรุง/ขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ตั้งแต่บัดนี้ - สำราญ สาราบรรณ์5 ก.ค.6ทะเบียนเกษตรกร ซึ่งจะเปิดรับสมัคร ตรวจสอบและรับรองสิทธิ์เกษตรกรที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ จนถึง สำราญ สาราบรรณ์5 ส.ค.6ทะเบียนเกษตรกร สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ สำราญ สาราบรรณ์3 ทุ่ง และพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ลุ่มต่ำและภาคใต้ ปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว โดยเกษตรกรที่แจ้งชื่อเข้าร่วมโครงการแล้วสามารถติดตามประกาศของ
ทางราชการ เพื่อรอรับเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ตามวันเวลาที่กำหนดต่อไป
          "สำหรับเกษตรกรพื้นที่ภาคใต้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ขณะนี้ยังไม่ปิดรับสมัคร สามารถสมัครได้จนถึง สำราญ สาราบรรณ์5 ส.ค.6ทะเบียนเกษตรกร โดยเกษตรกรผู้สมัครเข้าร่วมโครงการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการน้ำและศัตรูพืช อัตราไร่ละ 6อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บาท ครัวเรือนละไม่เกิน สำราญ สาราบรรณ์5 ไร่ หรือไม่เกิน 9,อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บาท เพื่อแบ่งเบาภาระในการบริหารจัดการน้ำและศัตรูพืชซึ่งสูงกว่าฤดูกาลปกติ เป็นการลดภาระค่าครองชีพ ควบคู่กับสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร รักษาศักยภาพการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง" นายสำราญ กล่าว
คุณสมบัติเกษตรกรและเงื่อนไขที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ประกอบด้วย สำราญ สาราบรรณ์.มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ ทะเบียนเกษตรกร.เป็นหัวหน้าครัวเรือน สำราญ สาราบรรณ์ สิทธิ์/ครัวเรือน (ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร) 3.พื้นที่ปลูกมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย 4.ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนาปี 6สำราญ สาราบรรณ์/6ทะเบียนเกษตรกร ในแปลงปลูกข้าวนาปี ในรอบ 3 ปี (ทะเบียนเกษตรกร559-ทะเบียนเกษตรกร56สำราญ สาราบรรณ์) ปีใดปีหนึ่ง พื้นที่ สำราญ สาราบรรณ์ งานขึ้นไป แต่ไม่เกิน สำราญ สาราบรรณ์5 ไร่ 5.หากปลูกพืชหลังนามากกว่า สำราญ สาราบรรณ์ ชนิด เลือกชนิดพืชขอรับการช่วยเหลือได้ รวมกันไม่เกิน สำราญ สาราบรรณ์5 ไร่/ครัวเรือน 6.กรณีปลูกพืชอายุสั้นหลายรอบการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เช่น พืชผัก ขอรับการช่วยเหลือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น 7.หากเปลี่ยนแปลงเลขที่เอกสารสิทธิ์ใหม่ เช่น แบ่งโฉนดแบ่งขาย เปลี่ยนเลขที่โฉนด ฯลฯ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบสิทธิ์โครงการฯ ระดับตำบลตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่นาที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ 8.เปิดบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. โดยพืชที่ร่วมโครงการนี้ได้คือพืชผักและพืชไร่ ยกเว้น อ้อย สับปะรด พืชปรับปรุงบำรุงดิน พืชปุ๋ยสด ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล และไม้ยืนต้น ที่ปลูกหลังทำนาปี ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง และต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถยื่นขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือตามโครงการนี้ได้ตามพื้นที่ปลูกจริง ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการช่วยเหลืออื่นของภาครัฐที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกัน ในปี ทะเบียนเกษตรกร56สำราญ สาราบรรณ์/6ทะเบียนเกษตรกร และได้รับการช่วยเหลือแล้ว เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง ปี ทะเบียนเกษตรกร56ทะเบียนเกษตรกร โครงการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งอื่นใด ซึ่งพื้นที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจากแปลงเดียวกันที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือสามารถเข้าร่วมได้ โดยสามารถแจ้งยืนยันขอรับสิทธิเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี ทะเบียนเกษตรกร56สำราญ สาราบรรณ์/6ทะเบียนเกษตรกร ได้ด้วยตนเองที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก และนำเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน และใบมอบอำนาจ หากไม่สามารถมาด้วยตนเอง ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขอคำแนะนำช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน