พิธีมอบรางวัลเกียรติยศ จัดขึ้นภายในงานฉลองครบรอบ 100 ปี การสถาปนาสมาคมฯ ณ ห้องนภาลัยบอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ มี ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเป็นประธานพร้อมนำคณะกรรมการบริหารและสมาชิกสมาคมฯ ให้การต้อนรับผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการข้าวไทย พันธมิตรทางการค้าและแขกผู้มีเกียรติจากทั่วไทยและทั่วโลกที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า "การจัดงานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งสมาคมฯ เท่านั้น แต่ถือเป็นโอกาสฉลองความสำเร็จของข้าวไทยที่สามารถปักธง สร้างชื่อให้ประเทศในเวทีโลกมายาวนานถึงหนึ่งศตวรรษ รวมทั้งเป็นการแสดงความขอบคุณผู้มีคุณูปการต่อวงการข้าวและสมาคมฯ โดยได้มีการได้จัดสร้างรางวัลเกียรติยศ 'TREA Centennial Trophy' เพื่อมอบเป็นการเชิดชูเกียรติในฐานะบุคคลทรงคุณค่าผู้มีคุณูปการต่อการส่งออกข้าวไทยในรอบศตวรรษ 3 ท่านจากทั่วไทยและทั่วโลก"
นางอรนุช โอสถานนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้สร้างคุณูปการต่อการค้าข้าวไทย อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตลอดชีวิตการทำงานกว่า 40 ปี เป็นผู้บุกเบิกเปิดตลาดข้าวไทยในทวีปต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอฟริกา จนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทยในวันนี้ เป็นผู้วางรูปแบบการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (G to G) และด้วยแรงผลักดันของท่าน ทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 6 ล้านตัน ในปีพ.ศ. 2532นางอรนุช กล่าวถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติว่า "ข้าวเป็นเรื่องใหญ่ ยากที่คนๆ เดียวจะบริหารงานได้สำเร็จหากไม่มีผู้บังคับบัญชา คืออดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตอธิบดีหลายๆ กรมฯ ที่ให้ความเมตตาเป็นที่ปรึกษา เกื้อหนุน และชี้แนะแนวทางต่างๆ รวมทั้งยังมีเพื่อนข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และทีมข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศที่แข็งขัน มีความรัก สามัคคี อดทน ร่วมตรากตรำทำงาน จึงถือว่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นของขวัญสำหรับกระทรวงพาณิชย์และคนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้าวทุกกรมฯ และถือเป็นการสดุดีข้าราชการ ผู้ทำคุณประโยชน์และเป็นขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการในปัจจุบัน"มร.เจือง ทันห์ ฟ็อง อดีตนายกสมาคมอาหารเวียดนาม ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ริเริ่มความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรการค้าข้าวภาคเอกชนขึ้นในปีพ.ศ. 2549 และด้วยความเชี่ยมชาญและประสบการณ์อันยาวนานด้านการค้าข้าวและสินค้าเกษตร ทำให้มร.ฟ็องได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเวียดนามหลายยุคหลายสมัย ก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าหลายด้านอันเป็นประโยชน์ต่อวงการค้าข้าวเสมอมา
มร.เจือง ทันห์ ฟ็อง เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจว่า "ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งของสมาคมฯ การได้รับรางวัลนี้ ถือเป็นสิ่งที่พิเศษมากสำหรับผมและตัวแทนสมาคมอาหารเวียดนามทุกๆ คน ผมขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อความรักและมิตรภาพที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมีให้เสมอมา รางวัลเกียรติยศนี้มีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้รับมอบในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของสมาคมฯ แล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงมิตรภาพอันแนบแน่นระหว่างไทยและเวียดนามที่ผมขอเป็นตัวแทนรับมอบแทนชาวเวียดนามทุกๆ คน"
ส่วน มร.เคนเน็ธ ชาน นายกสมาคมนักธุรกิจค้าข้าวของฮ่องกง เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลชานแห่งบริษัทกุ่ย ฟัต หยวน ซึ่งได้นำเข้าข้าวไทยไปเปิดประตูสู่ตลาดข้าวพรีเมี่ยมฮ่องกงที่นับเป็นตลาดส่งออกสำคัญยิ่งของโลกเป็นครั้งแรกเมื่อ 80 ปีที่แล้วและยังนำเข้าต่อเนื่องตลอดมา แม้ในภาวะที่ข้าวไทยประสบปัญหา มร.เคนเน็ธ ชานในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจค้าข้าวแห่งฮ่องกงก็ได้นำคณะผู้แทนการค้าจาก 4 สมาคมของฮ่องกงมาเยือนไทยเพื่อพบปะหารือเพื่อขยายตลาดการค้าข้าวเป็นประจำทุกปี จนทำให้ข้าวหอมมะลิไทย สามารถครองตลาดฮ่องกงมาจนถึงปัจจุบัน
มร.เคนเน็ธ ชาน กล่าวในโอกาสนี้ว่า "รางวัลอันทรงเกียรตินี้ ไม่ได้เป็นของผมคนเดียว แต่เป็นของผู้นำเข้าฮ่องกงทุกๆ คน Mr Chan Wai Shun บิดาของผม ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการสนับการนำเข้าข้าวไทย รวมถึงการโปรโมทข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิให้เป็นที่รู้จักในตลาดฮ่องกงมายาวนาน และแม้ว่าฮ่องกงจะเป็นเมืองเล็ก แต่เป็นเมืองนานาชาติ ที่โด่งดังเรื่องอาหาร และเราโชคดีที่เป็นพันธมิตรกับประเทศไทย เพราะข้าวไทยถือเป็นข้าวที่ดีที่สุด"
ร.ต.ท. เจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า "จากจุดเริ่มต้น ภายใต้ชื่อ 'สมาคมค้าข้าวสยาม' ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2461 โดยนายโง้วเพ็กง้ำ นายกสมาคมท่านแรก ที่ได้รวบรวมกลุ่มพ่อค้าขายส่งข้าวสาร ผู้ประกอบการโรงสีข้าวสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนพ่อค้าข้าวทั้งที่จำหน่ายข้าวในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ สมาคมฯได้ฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ผ่านการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนคณะผู้บริหาร เปลี่ยนสถานที่ทำการมาหลายครั้ง จนมาเป็นสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในวันนี้ และสามารถช่วยกันผลักดันข้าวไทยไปสร้างชื่อคว้าชัยในเวทีโลกได้สำเร็จในปีพ.ศ. 2524 ทำให้ประเทศไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก และครองความเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวของโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คืออุดมการณ์และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนข้าวไทยของคณะกรรมการและสมาชิกของสมาคมทุกๆ คน ทุกหยาดเหงื่อ แรงกาย ทุกแรงใจจากทุกท่านและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้สมาคมฯ ยืนหยัดมาถึงปีที่ 100 ได้อย่างสง่างามในวันนี้" นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit