ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา โดยรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ชี้แจงกับเกษตรกรในพื้นที่ว่า โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เป็นโครงการ ที่สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มและบริหารจัดการร่วมกันเพื่อให้เกิดการรวมกันผลิต รวมกันจำหน่าย มีตลาดรองรับ ที่แน่นอน โดยสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จะมีบทบาทสำคัญในการดูแลสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่การปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว และประสานกับภาคเอกชนเข้ามาเปิดจุดรับซื้อผลผลิตข้าวโพดจากเกษตรกรในทุกพื้นที่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา จำนวน 2 ล้านไร่ ใน33 จังหวัดทั่วประเทศ โดยรัฐบาลได้มีมาตรการจูงใจเกษตรกรให้สมัครเข้าร่วมโครงการโดยจัดสรรวงเงินสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เกษตรกรกู้ยืมไปลงทุนไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.01% โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี เก็บจากเกษตรกร 0.01% ที่เหลือ 3.99% รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. เป็นเวลา 6 เดือน
ด้านนายสุพจน์ วัฒนวิเชียร สหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่เป้าหมายอยู่ที่ 100,000 ไร่ จากทั้งหมด 25อำเภอ ซึ่งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานชลประทานจังหวัด สำนักงานพัฒนาที่ดิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ มีการจัดเวทีชุมชนและเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ขณะนี้มีเกษตรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 9,467 ราย 11,080 แปลง 80,842.75 ไร่ ในเขตพื้นที่ชลประทาน 1,676.75 ไร่ นอกเขตชลประทาน 79,166 ไร่ ส่วนด้านการตลาด ได้ใช้สถานที่และอุปกรณ์การตลาดของสหกรณ์ในระดับอำเภอทุกสหกรณ์เป็นจุดรวบรวมผลผลิต มีการประสานบริษัทของเอกชน จำนวน 2 บริษัท คือ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โปรดิวส์ จำกัด และบริษัทก้าวหน้าโภคภัณฑ์ จำกัด เพื่อกำหนดจุดรับซื้อ ราคา ตามนโยบายประชารัฐ โดยกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำ กิโลกรัมละ 8 บาท ความชื้นไม่เกิน 14.50 % ณ จุดรวบรวมของสหกรณ์ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรหลังจากฤดูกาลทำนา