กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบโครงการฯ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ งบประมาณรวมกว่า 3,458 ล้านบาท แบ่งเป็น งบที่จ่ายให้เกษตรกร วงเงิน 3,375 ล้านบาท งบชดเชยต้นทุนเงินของ ธ.ก.ส. อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 6 เดือน (FDR)+1 รวมประมาณ 73.4 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ธ.ก.ส. รวม 1.5 ล้านบาท และงบบริหารโครงการ วงเงิน 8.3 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินการ จะช่วยเหลือค่าครองชีพให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่มีปาล์มน้ำมันซึ่งให้ผลผลิตแล้ว (อายุมากกว่า 3 ปี) จำนวน 150,000 ราย ซึ่งมีพื้นที่รวมไม่เกิน 2.25 ล้านไร่ โดยเป็นการช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริงในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันกับกรมส่งเสริมการเกษตรภายในเดือนธันวาคม 2561 กรณีที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ให้มาปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันเช่นเดียวกัน และต้องปลูกปาล์มในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ รวมทั้งสิทธิ์ 47 รายการ ตามหนังสือของกรมป่าไม้ วงเงินรวม 3,375 ล้านบาท
ทั้งนี้ ใช้เงิน ธ.ก.ส. สำรองจ่าย และ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เพื่อชดเชยตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าธรรมเนียมโอนเงินและชดเชยต้นทุนในอัตรา FDR+1 = 2.175 ของธนาคาร หรือตามความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการฯ โดยเร็วต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการเร่งรัดการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศที่ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม. ไปแล้วนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินหน้าเร่งรัดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มลดลง และส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันดีขึ้นตามลำดับ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit