ยิปรอคคว้ารางวัลองค์กรต้นแบบ “Happy Workplace นวัตกรรมนำสุขยุคดิจตอล” จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

          นายอภิรักษ์ ชัยศิริพาณิชย์ ผู้จัดการโรงงานไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม สาขาแหลมฉบัง เป็นผู้แทนบริษัท ขึ้นรับรางวัล "Happy Workplace นวัตกรรมนำสุขยุคดิจตอล" จาก นายไพโรจน์ มีทวี นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ประธานคณะทำงานโครงการเสริมสร้างการเป็นองค์กรสุขภาวะในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยรางวัลนี้ถือเป็นการยกย่องโรงงานไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม สาขาแหลมฉบัง ในฐานะโรงงานยิปซัมชั้นนำที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและรักษากำลังการผลิตและประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน และการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในสถานที่ทำงาน
          "ยิปรอคสร้างสรรค์นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างในทุกวัน เพื่อส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขให้แก่ผู้คนในทุกที่ และเราเริ่มต้นสร้างความอยู่ดีมีสุขนี้ให้แก่พนักงานของเราเอง" นายอภิรักษ์ ชัยศิริพาณิชย์ กล่าว "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล "Happy Workplace นวัตกรรมนำสุขยุคดิจตอล" ในประเทศไทย เพราะสำหรับยิปรอคนั้น เราเชื่อว่าความสุขสามารถสร้างได้จากการทำงาน ซึ่งสิ่งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากการรักษาสวัสดิภาพในสถานที่ทำงานเพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด การลงทุนเพื่อสร้างองค์กรที่มีสุขนั้นให้ผลตอบแทนแก่ทุกคน เริ่มจากพนักงานที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ประสบความสำเร็จทั้งเป้าหมายส่วนบุคคลและเป้าหมายทางอาชีพ ความสุขในที่ทำงานจึงถือว่ามีเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับพนักงานและองค์กร"
          "การส่งเสริมสภาวะที่ทำให้ผู้คนมีความสุขนำไปสู่สิ่งดี ๆ มากมาย เช่น กำลังการผลิต คุณภาพ ยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้า ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม การปรับตัว ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น และช่วยลดความสูญเสีย การขาดงาน ความเครียดของพนักงาน อุบัติเหตุ และโรคภัยจากอาชีพให้น้อยลง"
          บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เป็นที่รู้จักมานานในฐานะผู้สร้างรูปแบบธุรกิจที่เป็นธรรมซึ่งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทั้งขององค์กรและพนักงาน รางวัล "Happy Workplace นวัตกรรมนำสุขยุคดิจตอล" จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจและการปฏิบัติกับแรงงานที่เหมาะสมนี้ ถือเป็นเกียรติประวัติที่สะท้อนถึงคุณสมบัติดังกล่าวของยิปรอคอย่างชัดเจน รวมถึงความพยายามที่ต่อเนื่องของยิปรอคในการสร้างเสริมสถานที่ทำงานที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยให้คุณค่าและส่งเสริมการนำเสนอแนวคิดสมัยใหม่ในการปฏิบัติงาน
          รางวัลนี้ยังตอกย้ำถึงรางวัลที่ แซง-โกแบ็ง ประเทศไทย ได้รับมาก่อนในปีนี้ นั่นคือรางวัล "ผู้ว่าจ้างยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (Top Employers Thailand)" เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของ แซง-โกแบ็ง ในการให้คุณค่ากับพนักงานทุกคน ซึ่งส่งเสริมผ่านการมอบขั้นตอนการทำงาน นโยบาย และสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนกัน เพื่อสร้างความสำเร็จ รวมถึงความสุขในระยะยาว

          ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://www.gyproc.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/GyprocTH

          เกี่ยวกับ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน)
          บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ฉลองความสำเร็จการดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในประเทศไทย หลังการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยเป็นบริษัทแรกที่ดำเนินการผลิตแผ่นยิปซัมและปูนปลาสเตอร์ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วเมืองไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 
          ปัจจุบันมีโรงงานการผลิต 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มนำเสนอสินค้าและการบริการครบวงจร ครอบคลุมทั้งแผ่นยิปซัม ฝ้าเพดาน ระบบโครงสร้าง และปูนปลาสเตอร์ พร้อมโซลูชั่นส์การตกแต่งภายในอาคารที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้บริโภค 

          เกี่ยวกับ แซง-โกแบ็ง ( Saint-Gobain)
          บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแซง-โกแบ็ง เครือบริษัทการผลิตโครงสร้างอาคารรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญระดับสูงในการออกแบบ การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มผู้บริโภคทั้งในวงการก่อสร้าง อุตสาหกรรม และกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป 
          แซง-โกแบ็ง มีพนักงานผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 170,000 คน ดำเนินงาน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มนวัตกรรมกระจกแผ่นเรียบ กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มการจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยบริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยธุรกิจยิปซัมของแซง-โกแบ็ง ซึ่งมีการดำเนินงานมานานกว่า 350 ปีใน 130 แห่งทั่วโลกและมีพนักงานในหน่วยงานถึง 13,000 คน ฐานการดำเนินงานระดับโลกนี้แสดงให้เห็นว่า แซง-โกแบ็ง สามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละประเทศ และนำเสนอโซลูชั่นส์การก่อสร้างที่ยั่งยืนและเหมาะสมสำหรับตลาดในประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี