โดยเมื่อวันที่ 9 ถึง 16 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา กรมศุลกากร ภายใต้การอำนวยการของ นายสรศักดิ์ มีนะโตรี รองอธิบดีกรมศุลกากร นายชัยฤทธิ์ แพทย์สมาน ผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข้อมูลการข่าวทางศุลกากร นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการตรวจค้นพัสดุไปรษณีย์ และพัสดุเร่งด่วน ที่ส่งมาจากต้นทางประเทศที่มีความเสี่ยง พร้อมทั้งกำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
จากปฏิบัติการอย่างเข้มงวดดังกล่าว กรมศุลกากรสามารถตรวจพบยาที่ถูกลักลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก มีทั้งยาควบคุมพิเศษ ยาอันตราย ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาในประเทศ และสารระเหยควบคุม อาทิ ยาทำแท้งชนิดเม็ด ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศที่รู้จักติดปากกันทั่วไปในนามไวอากร้า โดยพบมากถึง 3 ชนิด ได้แก่ Sildenafil Tadalafil และ Verdenafil และยาอีทิโซแลม (Etizolam) อันเป็นยานอนหลับชนิดออกฤทธิ์รุนแรง ละลายได้เฉพาะในแอลกอฮอล์เท่านั้น ซึ่งบุคคลทั่วไปมักรู้จักยานี้ในชื่อ "Supersleep" หรือเรียกในภาษาไทยว่า "ยาเสียหนุ่ม" หรือ "ยาเสียสาว" โดยยาชนิดนี้นั้นมักถูกนำมาใช้แทนยาอี นอกจากนั้นยังได้มีการตรวจพบสารระเหยชนิด Isopropyl Nitrite ซึ่งเป็นสารระเหยควบคุมตาม พ.ร.ก. ป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2553 ถูกบรรจุมาในขวดขนาดเล็กติดฉลากว่าเป็นน้ำหอมปรับอากาศ (Room Odoriser) โดยสารระเหยชนิดนี้จะทำให้ผู้สูดดมมีอาการเคลิบเคลิ้มมึนเมา หัวใจเต้นแรง และมีความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ซึ่งในกลุ่มผู้ใช้มักเรียกสารชนิดนี้ว่าปอปเปอร์ (Popper) ทั้งนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการตรวจพบยา Modafinil และ Armodafinil ถูกสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยมีปลายทางที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งยาชนิดนี้เป็นยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคลมหลับ ออกฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของสารเคมีในสมอง อันจะช่วยทำให้ผู้ที่ได้รับยามีความตื่นตัว ปัจจุบันวัยรุ่นต่างชาติจำนวนมากนิยมนำมาใช้เป็น "ยาคึก" ในงานปาร์ตี้แทนยาเสพติด และอยู่ในกลุ่มยาที่ใช้ทดแทนแอมเฟตามีนหรือยาบ้า
ปัจจุบันยาผิดกฎหมายจำนวนมากสามารถหาซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เพจเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม หรือเว็บไซต์เถื่อน (Dark web) โดยจากปฏิบัติการในช่วง 8 วันที่ผ่านมา กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดยาผิดกฎหมายได้กว่า 50 คดี รวมมูลค่าของทั้งหมดประมาณ 500,000 บาท
อนึ่งการปฏิบัติการสกัดกั้นและกวาดล้างยาผิดกฎหมายในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการแพนเจีย (Operation Pangea) โดยปฏิบัติการดังกล่าวเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างองค์การตำรวจสากล (Interpol) และองค์การศุลกากรโลก (WCO) มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านการจำหน่ายยาปลอมและยาผิดกฎหมายผ่านทางช่องทางออนไลน์ และเป็นปฏิบัติการที่ดำเนินการพร้อมกันในหลายประเทศทั่วโลก โดยกรมศุลกากรจะนำผลการดำเนินงานจากปฏิบัติการในครั้งนี้ ไปพัฒนามาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้ายาทางไปรษณีย์และพัสดุเร่งด่วน รวมทั้งนำไปจัดทำแผนปฏิบัติการการควบคุมทางศุลกากรสำหรับไปรษณีย์ระหว่างประเทศในด้านอื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของกรมศุลกากรที่ถูกต้องตรงประเด็นได้ 4 ช่องทาง ดังนี้
1. website : https://www.Customs.go.th
2. Facebook : https://www.facebook.com/customsdepartment.thai/
3. Youtube : https://www.youtube.com/theprcustoms
4. Line Official Account :Thaicustoms
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit