มูลนิธิเอสซีจีเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างทักษะและการเตรียมความพร้อมให้แก่นักเรียนทุน
อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ก่อนก้าวสู่โลกการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องๆ ที่กำลังศึกษาในระดับชั้น ปวส. ปีที่ อาชีวะฝีมือชน มูลนิธิฯ จึงได้จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนฯ เพื่อเสริมสร้างทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน รวมถึงการเป็นแนวทางเสริม
สร้างแรงบันดาลใจก่อนที่จะก้าวเข้าสู่โลกการทำงานในอนาคต รวมถึงจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศเพื่ออำลาและอวยพรน้องๆ ให้มีเส้นทางชีวิตที่สดใส มีหน้าที่การงานที่เจริญรุ่งเรือง หรือหากน้องคนไหนที่คิดจะเรียนต่อก็ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่น้องๆ ตั้งใจ
ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่าการจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี "อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ" ปวส. อาชีวะฝีมือชน และกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ พร้อมรับประกาศนียบัตร เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้ โครงการอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ของมูลนิธิฯ ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของนักเรียนทุนฯ ให้ได้มีโอกาสเตรียมความพร้อม เรียนรู้ทักษะที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไป ต่อยอดพร้อมที่จะก้าวสู่โลกของการทำงาน
"ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ นักเรียนอาชีวะชั้น ปวส. อาชีวะฝีมือชน ทุกคน นับเป็นความภาคภูมิใจของมูลนิธิเอสซีจี ที่ได้มีน้องๆ มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หากย้อนกลับไปวันที่เราเริ่มเข้าเรียน ปวช. มูลนิธิเอสซีจี ทุกคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้ว่าโลกแห่งการเรียนจะเป็นอย่างไร เราต้องใช้ความพยายาม อดทน และฝึกฝนตนเองมากมายแค่ไหนจนสำเร็จการศึกษา ซึ่งนี่ไม่ใช่ปลายทางของความสำเร็จ แต่คือช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ เป็นช่วงเวลาที่น้องๆ จะเริ่มก้าวออกไปยังโลกใบใหม่ จะได้นำความรู้และทักษะที่เรียนมาใช้จริง ต้องเลี้ยงตัวเองและมีรายได้จุนเจือครอบครัว นับจากนี้ พี่อยากให้น้องๆ ทุกคน มีวินัย ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย เรียนรู้การทำงานเป็นทีม และไม่ว่าเราจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคในอาชีพการงานอย่างไร ขอให้อดทน และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมแก้ปัญหาด้วยการใช้สติ พี่เชื่อว่าความสำเร็จในการทำงานย่อมไม่ไกลเกินเอื้อม นอกจากนี้ โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก มีเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมาย เราต้องหมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อเพิ่มพูนทักษะฝีมือในการทำงาน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นคนดี ทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ลืมพระคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงเรามาจนเติบโตถึงวันนี้ รวมถึงครูและผู้ที่เคยช่วยเหลือเรา หากมีโอกาส ต้องตอบแทนพระคุณท่าน" ขจรเดช กล่าว
มาพูดคุยกับตัวแทนนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ อย่าง น้องแจ๊ค - นายพงศกร พราหมเกษม นักศึกษาชั้น ปวส.อาชีวะฝีมือชน สาขาช่างก่อสร้าง จากวิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเรียนอาชีวะว่า ตอนเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาอาศัยอยู่กับปู่ย่าและพี่ชาย เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน และตนเป็นเด็กเกเร เรียกได้ว่าไม่มีความฝันเป็นของตัวเอง ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า จนวันหนึ่งตัดสินใจไปอยู่กับแม่ที่ไม่เคยเจอมาเกือบ มูลนิธิเอสซีจีสร้างแรงบันดาลใจ ปี ที่จังหวัดปทุมธานี จึงทำให้มีโอกาสได้มาเรียนสายอาชีวะ ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร ซึ่งหลังจากมาเรียนอาชีวะ ก็ทำให้เริ่มมองถึงเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น พยายามพัฒนาฝีมือของตนเอง เพื่อให้ได้ไปแข่งขันในเวทีระดับโลก
"ผมรู้ตัวว่าเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่ง แต่เพราะได้รับการสนับสนุนจากคุณครูและมูลนิธิเอสซีจี ทำให้ผมพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะฝีมือแรงงาน ทั้งในระดับประเทศ ระดับอาเซียน จนถึงระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมากและรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เพราะมันคือเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจ ความทุ่มเทของผมว่า ถ้าเราตั้งใจทำอะไรแล้ว ทุกสิ่งย่อมประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก หลังจากนี้ไปถ้าเรียนจบแล้วผมจะตั้งใจทำงาน เลี้ยงดูครอบครัว และเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งผมมองว่าการศึกษาคือการพัฒนาตนเอง และผมจะฝึกฝนทักษะฝีมือต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงไม่หยุดหาความรู้ใหม่ๆ ใส่ตัวอยู่เสมอ เพื่อทำความฝันให้สำเร็จ ทำให้ครอบครัวภูมิใจ นั่นคือการเป็นเจ้าของกิจการนั่นเอง" น้องแจ๊ค พงศกร กล่าว
ด้าน น้องไนท์ - นางสาวพรรณวิลัย จันทร์แจ้ง นักศึกษาชั้น ปวส. อาชีวะฝีมือชน แผนกวิชาช่างสถาปัตยกรรม วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกของการเป็นนักเรียนทุนฯ ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมาว่า ตนเองอาศัยอยู่กับปู่เพียงสองคน เมื่อกำลังจะจบชั้น ม. 3 ได้มีลูกพี่ลูกน้องให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการเรียนสายอาชีพ ซึ่งตนก็เกิดความสนใจ เนื่องจากอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่บ้าน อีกทั้งการเรียนสายอาชีพนั้นจะทำให้มีวิชาอาชีพที่ติดตัว และเมื่อเรียนจบไปแล้วสามารถมีงานทำได้อย่างแน่นอน
"ตอนที่หนูตัดสินใจเรียนสายอาชีพ มีเพื่อนและคุณครูบอกว่า มีทุนจากมูลนิธิเอสซีจี จึงลองยื่นขอทุน จนมีโอกาสได้รับเลือกเป็นนักเรียนทุนของมูลนิธิเอสซีจี ได้ช่วยแบ่งเบาภาระจากปู่ ในเรื่องของค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้หนูยังได้รับโอกาสที่ดีและประสบการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น การได้ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือสังคมร่วมกับทางมูลนิธิฯ ซึ่งการร่วมกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนั้นสอนให้หนูได้รู้จักการแบ่งปัน และช่วยเหลือผู้อื่น คือช่วยให้เต็มกำลังความสามารถของเรา และถ้าในอนาคตหนูมีโอกาสเป็นผู้ให้บ้าง หนูก็อยากส่งมอบโอกาสดีๆ แบบที่หนูเคยได้รับไปให้แก่คนอื่นๆ ด้วย" น้องไนท์ พรรณวิลัย กล่าว
นอกจากนี้ยังมีตัวแทนรุ่นพี่อดีตนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ รุ่นที่ มูลนิธิเอสซีจี อย่าง มาร์ช - จิรพงศ์ ชโลธรพิเศษ ศิษย์เก่าสาขาช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ซึ่งปัจจุบันทำงานในตำแหน่งช่างอิเล็กทรอนิกส์ ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในการทำงานให้ฟังว่า พอจบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบก็ได้เข้าทำงานตามสายที่เรียนมา ตอนแรกที่ไปสัมภาษณ์งาน รู้สึกตื่นเต้นและกังวล แต่ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่เราเรียนมา ก็ทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้อย่างเต็มที่ และถูกสอนมาเสมอว่า ให้ซื่อสัตย์กับตนเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ว่าเราไม่รู้อะไร อย่ามัวแต่เดาคำตอบ หรืออย่าพูดออกไปโดยไม่คิด ต้องกล้าถามและมุ่งมั่นหาคำตอบ เพื่อที่งานของเราจะได้ออกมาดีที่สุด
"ผมตั้งใจเลือกเรียนอาชีวะมาตั้งแต่ต้น เพราะอยากเรียนสายอาชีพ ซึ่งการเรียนอาชีวะนั้นให้ทุกอย่างกับผมจริงๆ นอกจากความรู้ที่ได้รับแล้ว ยังได้ลงมือปฎิบัติจริง เพราะฉะนั้นตอนผมเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ผมจึงใช้เวลาปรับตัวไม่นานเลย และเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็ว ผมอยากฝากถึงน้องที่กำลังใกล้จบหรือที่กำลังเรียนอยู่ว่า นอกจากประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนแล้ว เรื่องของภาษา ก็มีความสำคัญ เพราะถ้าเราได้ภาษาที่สองหรือภาษาที่สาม ก็จะเป็นใบเบิกทางความสำเร็จในอาชีพเช่นกัน" มาร์ช จิรพงศ์ กล่าว
เช่นเดียวกับ เจมส์ – จักราวุฒน์ มั่นทุกะ ศิษย์เก่าสาขาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคท่าหลวงซิเมนต์ไทยอนุสรณ์ ซึ่งปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง RCA วิเคราะห์ปัญหาของผลิตภัณฑ์ บริษัท โซนี่ไทย จำกัด บอกเล่าถึงชีวิตในการทำงานให้ฟังว่า เขาเคยฝึกงานที่บริษัทโซนี่ ซึ่งพอจบมาทางบริษัทได้เรียกเข้ามาสัมภาษณ์ และเขายังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดีว่าทั้งประหม่าและกดดัน เพราะคิดว่าอาจมีคู่แข่งเยอะ แต่ก็สามารถผ่านมาได้ จนได้รับเลือกเข้าทำงาน และได้นำความรู้ที่เรียนในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ มาประยุกต์ใช้ในงานได้อย่างเชี่ยวชาญ
"ชีวิตการทำงานของผมต้องปรับตัวพอสมควร เพราะนอกจากประสบการณ์และความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วการทำงานในองค์กรนั้น เรื่องวินัยและการมีสัมมาคารวะเป็น อาชีวะฝีมือชน สิ่งที่เราต้องมีเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่หลายคนอาจจะละเลยและมองข้ามไป ทั้งๆ ที่ อาชีวะฝีมือชน เรื่องนี้ส่งผลต่อการทำงานของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงอยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเรียนจบว่า เราอยู่ในสังคมคนหมู่มาก มีเพื่อนร่วมงาน มีคนที่อายุมากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากัน เราต้องเรียนรู้การทำงานเป็นทีม และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ต้องพึ่งพาอาศัยมีน้ำใจให้กัน ถ้าขาดคนใดคนหนึ่ง งานก็อาจจะไม่สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งผมยังต้องดูแลนักศึกษาฝึกงาน ทำให้ผมต้องมีวินัยกับตนเองมากยิ่งขึ้น" เจมส์ จักราวุฒน์ กล่าว
ความรู้และทักษะจากการศึกษาเล่าเรียน รวมถึงการลงมือทำจริง ถือเป็นต้นทุนที่สำคัญอย่างยิ่งที่น้องอาชีวะฝีมือชนทุกคนได้มีโอกาสทำทั้งสองสิ่งในเวลาเดียวกันตั้งแต่ตอนเรียน ทำให้น้องๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้และลองผิดลองถูก รวมถึงนำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน ถือเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า สิ่งเหล่านี้เองจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีและเป็นแรงผลักดันให้น้องๆ อาชีวะฝีมือชนทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตและบรรลุเป้าหมายที่ตนฝันไว้