ดร.กาญจนา ลือพงษ์ ตัวแทนทีมวิจัยเล่าว่า ครั่ง คือแมลงจำพวกเพลี้ย จะขับสารชนิดหนึ่งมีลักษณะเหมือนยางหรือชันออกมา ซึ่งสารที่ขับถ่ายออกมานี้เรียกว่า "ครั่งดิบ" สารนี้มีสีแดงม่วง ลักษณะคล้ายขี้ผึ้งสีเหลือง ซึ่งมนุษย์นำมาใช้ประโยชน์กันนานกว่า 4,000 ปี ทั้งนี้ทีมวิจัยได้ศึกษากระบวนการติดสีด้วยการย้อมและพิมพ์ทางสิ่งทอ พบว่าสีจากครั่งจะติดได้ดีบนเส้นใยประเภทขนสัตว์ เส้นใยไหม หนังฟอก แต่ไม่สามารถติดสีบนเส้นใยสังเคราะห์ เช่น เส้นใยพอลิเอสเตอร์ ส่วนเส้นใยเซลลูโลสการติดจะต้องอาศัยสารมอร์แดนท์ เช่น คอบเปอร์ (Cu), ตะกั่ว (Pb), และ อลูมิเนียม (Al) เข้ามาช่วยในการยึดติด แต่การใช้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งการศึกษาเริ่มจากการนำครั่งดิบจากต้นจามจุรี ของจังหวัดเลย มาบดและร่อนผ่านตะแกรงให้ได้ขนาดอนุภาคใกล้เคียงกัน ก่อนนำมาสกัดสารให้สีด้วยตัวทำละลายได้แก่สารละลายโซเดียมไฮโปรคลอไรท์ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โซเดียมไฮดรอกไซด์ และ ไดเอทธิลอีเธอร์ โดยพบว่าตัวทำละลายไดเอทธิลอีเธอร์ให้ประสิทธิภาพในการสกัดสูงสุด เมื่อสกัดสารให้สีจากครั่งแล้วนำมาผสมกับสารข้นประเภทกัม ในอัตราส่วน สารให้สี 97% และสารข้น 3% นำสารละลายที่ได้ปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนนำไปใช้เป็นแป้งพิมพ์ สำหรับการพิมพ์บนผ้าฝ้ายทอ และผ้าพอลิเอสเตอร์ตามลวดลายที่ต้องการ ก่อนนำไปผนึกสีด้วยความร้อน สำหรับผ้าฝ้ายใช้อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส และผ้าพอลิเอสเตอร์ผนึกสีด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลา 45 วินาที ผลการศึกษาพบว่าผ้าพิมพ์สารให้สีจากครั่งที่เตรียมขึ้น สามารถให้เฉดสีม่วงแดงทั้งบนผ้าฝ้ายทอ และผ้าพอลิเอสเตอร์ที่มีความคมชัดของลวดลาย และมีความคงทนของสีต่อการขัดถู ในระดับความคงทนของสี 3-4 และความคงทนของสีต่อแสง ระดับความคงทนของสี 4 ถือได้ว่าผ้าพิมพ์มีความคงทนของสีในเกณฑ์ปานกลางถึงดี ส่วนด้านค่าความคงทนของสีต่อการซัก อยู่ระดับ 2 คือมีความคงทนปานกลาง รวมถึงการสกัดสารให้สีจากตัวทำละลายที่ศึกษาเมื่อนำไปพิมพ์ลงบนผืนผ้าให้ผิวสัมผัสคล้ายการพิมพ์ผ้าด้วยสารให้สีประเภทพิกเมนท์ (pigment) ซึ่งมีวิธีการพิมพ์ และผนึกสีที่ง่าย ผิวสัมผัสของผ้าพิมพ์ที่ได้ไม่แข็งกระด้าง สามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยผ้าพิมพ์ที่ได้สามารถนำไปต่อยอดด้านรูปแบบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิ กระเป๋า ของที่ระลึก สร้างโอกาสทางการผลิตให้แก่กลุ่มผู้สนใจทั้งทางด้านหัตถกรรม และศิลปะบนผืนผ้าที่นอกจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit