นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 6 จังหวัด 9 อำเภอ 15 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ รวม 249 หลังคาเรือน แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนคูณ และอำเภอวังหิน รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 114 หลังคาเรือน อำนาจเจริญ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอปทุมราชวงศา และอำเภอพนา รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 91 หลังคาเรือน สุรินทร์ เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอโนนนารายณ์ บ้านเรือนได้รับผลกระทบรวม 16 หลังคาเรือน อุบลราชธานี เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอตระการพืชผล รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 10 หลังคาเรือน สถานที่ราชการ 1 แห่ง ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 4 หลังคาเรือน ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอถลาง รวม 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 14 หลังคาเรือน ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ในช่วงวันที่ 7 – 10 มีนาคม 2561 ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวม 63 จังหวัด ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป