แซมซั่น คอนโทรลส์ทุ่ม 200 ล้านบาท เปิดศูนย์กลางกระจายสินค้าในแทบภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้แห่งใหม่ในไทย

          บริษัท แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตคอนโทรลวาล์วชั้นนำของโลก สัญชาติเยอรมนี หนึ่งในบริษัทร่วมทุนของ SAMSON AG ประเทศเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 5แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ประเทศทั่วโลกพร้อมด้วยพนักงานกว่า 4,แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย อัตรา ประกอบธุรกิจมายาวนานกว่า จุลนพ จันทบุญญกุลจุลนพ จันทบุญญกุลแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ปี ประกาศความพร้อมหลังทุ่มงบลงทุนกว่า ประเทศเยอรมนีแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ล้านบาทในการก่อสร้างศูนย์กลางกระจายสินค้าในแทบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งใหม่ในไทย และได้จัดพิธีเปิดศูนย์กลางกระจายสินค้าฯ นำโดย นายจุลนพ จันทบุญญกุล (ที่ 5 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย มร. ไมเคิล คีเนอร์ (กลางซ้าย) และ มร. โวฟกัง จยูง (ที่ ประเทศเยอรมนี จากซ้าย) ผู้บริหารจากประเทศเยอรมันนี โดยได้รับเกียรติจาก นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง (กลางขวา) นายกรณ์ภัฐวีณ์ ม่วงน้อย อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง, นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา, นายมานพ วาจาสิทธิ์ รองนายกเทศมนตรีนครระยอง, ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีภายในงาน
          นายจุลนพ จันทบุญญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซมซั่น คอนโทรลส์ จำกัด กล่าวว่า เพื่อสนองตอบความต้องการในหลาย ๆ ด้านของประเทศไทยที่กำลังเติบโต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ แซมซั่นจึงได้เตรียมคลังสต็อกสินค้าขนาดใหญ่มูลค่ามากกว่า 6แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ล้านบาท เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและคุณภาพในการผลิตสินค้าให้คู่ค้าในอุตสาหกรรมหลัก อาทิ อุตสาหกรรมปิโตร-เคมี อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนอุตสาหกรรมทั่วไปที่ต้องการวาล์วคุณภาพสูงและมีมาตรฐานในกระบวนการผลิต เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีศักยภาพเข้าแข่งขันในตลาด AEC"
          นายจุลนพ จันทบุญญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซมซั่น คอนโทรลส์ จำกัด กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทว่า "บริษัท แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย จำกัด ก่อตั้งมาเมื่อปี พ.ศ. ประเทศเยอรมนี544 โดยเพียงปีแรกของการจดทะเบียนนั้นสามารถปิดการขายที่ตัวเลขกว่า ประเทศเยอรมนี6 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ในการสต็อกสินค้าเพื่อรองรับการผลิตของคู่ค้า ซึ่งในยุคนั้นหากคู่ค้ามีปัญหาในเรื่องเครื่องจักรการผลิตจำเป็นต้องสั่งซื้ออะไหล่ใหม่จากต่างประเทศใช้เวลากว่า 3-4 เดือน แต่แซมซั่น คอนโทรลส์ สามารถจัดหาอะไหล่ใหม่ให้ได้ในทันที ทำให้กระบวนการผลิตของคู่ค้าไม่หยุดชะงัก เพราะเรามีระบบสต๊อกสินค้าที่ดี มีการจดสถิติและคาดการณ์ความน่าจะเป็นในการสั่งซื้อ รวมถึงการให้ความรู้พร้อมทั้งอบรมทักษะพัฒนาพนักงานขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ และปรัชญาการร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดเสมือนครอบครัว นี้จึงเป็นจุดแข็งของแซมซั่น ซึ่งปัจจุบันเราได้รับความไว้วางจากหลากหลายบริษัทชั้นนำให้เราเป็นที่ปรึกษาดูแลเรื่องคอนโทรลส์วาลว์ อาทิ บริษัทในเครือปตท. , บริษัทในเครือซิเมนต์ไทย และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น"
          นายจุลนพ ยังกล่าวเสริมว่า "เพื่อรองรับ นโยบาย AEC และพัฒนาศักยภาพให้พร้อม สำหรับการแข่งขันจึงได้เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทเป็น ประเทศเยอรมนี7ล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายยอดขายเป็น 4แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ล้านบาทภายในปี ประเทศเยอรมนี563 จากเดิมที่ปี ประเทศเยอรมนี56แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ที่ทำยอดขายได้ 3ประเทศเยอรมนีแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ล้านบาทแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกประเทศ ทั้งนี้การก่อสร้างโรงงานใหม่มุ่งเน้นการขยายงานด้านการซ่อมบำรุงวาล์ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เต็มศักยภาพ บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ และพื้นที่ใช้สอยในส่วนงานซ่อมบำรุงและพื้นที่สินค้าคงคลัง กว่า 5,4แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ตารางเมตร ออกแบบด้วยนวัตกรรมที่ช่วยลดพลังงานและเลือกใช้วัสดุคุณภาพที่ดีที่สุดเพื่อให้ตัวอาคารสามารถรองรับการใช้งานไปได้นานกว่าอาคารทั่วไป
          ทางด้าน มร. ไมเคิล คีเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท แซมซั่น เอจี จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวแสดงความยินดีและความเชื่อมั่นว่า "แซมซั่น เอจี รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเติบโตก้าวสำคัญของ แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดอุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างมากจึงได้ร่วมลงทุนในครั้งนี้ และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าในระยะเวลาอันสั้น แซมซั่น คอนโทรลส์จะสามารถบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้เนื่องด้วยองค์ประกอบและความพร้อมในทุกด้านของประเทศไทย ทั้งทำเลที่ตั้งของบริษัทที่ล้อมรอบไปด้วยบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการคอนโทรลส์วาลว์ที่มีคุณภาพ การสต็อกสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการทั้งสายงานการผลิต ความรวดเร็วในการจัดส่งและซ่อมบำรุงด้วยพนักงานผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานระดับโลก ทั้งยังมีใจรักในงานบริการพร้อมที่จะให้คำแนะนำลูกค้าในสิ่งที่ดีที่สุดด้วยความจริงใจซึ่งเป็นพื้นฐานลักษณะนิสัยที่ดีของคนไทย แซมซั่น เอจี จึงมั่นใจในการเลือกลงทุนให้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย และเหนือสิ่งอื่นใด แซมซั่น เอจี เชื่อในศักยภาพในการเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง"
          พร้อมกันนี้ มร. โวฟกัง จยูง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและการเงิน การลงทุน บริษัท แซมซั่น เอจี มหาชน (จำกัด) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมทางการตลาดของแซมซั่น เอจี ว่า "สำหรับภาพรวมการตลาดของแซมซั่น เอจีในปีที่ผ่านมานั้นจบด้วยเลขการค้าที่มูลค่ากว่า 6ประเทศเยอรมนีแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย ล้านยูโรหรือ หรือ ประเทศเยอรมนี.5 หมื่นล้านบาทโดยประมาณ โดยยอดขายกว่า 7แซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย% มาจากทวีปยุโรป และกว่า ประเทศเยอรมนีแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทย % มาจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ถ้าเทียบสัดส่วนแล้วตลาดเอเชียอาจยังไม่เติบโตเท่าตลาดยุโรป แต่เมื่อวิเคราะห์การเติบโตของตลาดเอเชียซึ่งมีมากกว่า 38% แล้วนั้นถือได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญมากทีเดียว แซมซั่น เอจีจึงมองตลาดเอเชียว่ามีความน่าสนใจในการลงทุนสูงทั้งยังสามารถเติบโตไปได้อีกไกล โดยประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองเนื่องจากมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยยังทำยอดขายเป็นอันดับ จุลนพ จันทบุญญกุล ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซมซั่น เอจีจึงเล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมประเทศไทยเป็นอย่างมาก และเชื่อมั่นว่าแซมซั่น คอนโทรลส์ ประเทศไทยนั้นมีศักยภาพพร้อมที่จะเข้าแข่งขันในตลาด AEC อย่างแน่นอน"
          นายจุลนพ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "การลงทุนในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของแซมซั่น คอนโทรลส์ ในการวางรากฐานที่มั่นคง สู่การพัฒนาศักยภาพการจัดจำหน่ายและการให้บริการคอนโทรลส์วาล์วคุณภาพระดับโลกเพื่อตอบสนองบริการอันเป็นเลิศแก่คู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเราจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อให้คู่ค้ามั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์คอนโทรลส์วาลว์ ภายใต้แบรนด์ของแซมซั่น และบริษัทในเครือ"