นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้ กรมสรรพสามิตดูแลสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงการดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสุราเถื่อนและบุหรี่เถื่อน และน้ำมันเถื่อน และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป
อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวต่อว่า หลังจากที่พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ การจัดเก็บภาษีอย่างเป็นระบบ โดยใช้ราคาขายปลีกแนะนำมาเป็นฐานในการคำนวณภาษี จึงจำเป็นต้องกำหนดอัตราภาษีใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับฐานภาษีที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ราคายาสูบและสุรามีการเปลี่ยนแปลง โดยมีทั้งปรับสูงขึ้นและลดลงบ้างเล็กน้อย จึงอาจเป็นแรงจูงใจทำให้มีปริมาณบุหรี่และสุรา หนีภาษีเข้ามาในประเทศมากขึ้น และอาจส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปหาสินค้าหนีภาษีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้และเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพแก่ประชาชน
ผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2561 (เดือนกันยายน 2560 – 31 พฤษภาคม 2561) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 23,058 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และภาษีที่รัฐต้องสูญเสียรายได้ รวมเป็นเงินกว่า 719.61 ล้านบาท
โดยในส่วนผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายของสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 จำนวน 2,459 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และค่าภาษีที่รัฐต้องสูญเสียรายได้ รวม 322.69 ล้านบาท แยกเป็นคดีสุรา จำนวน 790 คดี ของกลางน้ำสุราในประเทศและต่างประเทศ รวม 7,716 ลิตร คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และภาษี รวมเป็นเงิน 10,728,495 บาท คดียาสูบ จำนวน 846 คดี ของกลางยาสูบ จำนวน 9,432,220 มวน คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และภาษี รวมเป็นเงิน 81,961,435 บาท คดีไพ่ จำนวน 56 คดี ของกลางไพ่ จำนวน 3,717 สำรับ คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และภาษี รวมเป็นเงิน 1,973,061 บาท และคดีน้ำมัน จำนวน 767 คดี ของกลางน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน จำนวน 325,271 ลิตร คิดเป็นมูลค่าของกลาง ค่าปรับ และภาษี รวมเป็นเงิน 23,594,297 บาท
อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่สรรพสามิต พร้อมสนธิกำลังกับทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เช่น การนำรถโมบายออกตรวจสอบคุณภาพน้ำมันตามร้านค้าที่แบ่งขายเป็นขวดหรือแกลลอน รวมทั้งที่เปิดขายเป็นปั๊มหลอด เพื่อป้องกันการลักลอบน้ำมันเถื่อนตามแนวชายแดน ซึ่งนับเป็นมาตรการที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ผู้ประกอบการโดยสุจริต และเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการคุ้มครองและดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสีย ต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ตามระเบียบกรมสรรพสามิตร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่และสุราหากตรวจสอบและพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายและเพิกถอนใบอนุญาตทันที ส่วนในกรณีที่เป็นเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายเมื่อกระทำผิด สรรพสามิตพื้นที่จะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต และแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว ให้การยาสูบแห่งประเทศไทยทราบเพื่อดำเนินการเพิกถอนการเป็นเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่อไป
"หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ป.ณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ และจะมอบสินบนนำจับให้ ภายหลังจากคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว"
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต โทร/โทรสาร 0 2241 4778
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit