นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 3 ปี 2560 (กรกฎาคม – กันยายน 2560) ขยายตัวร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ซึ่งแม้ว่าในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม 2560 หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับอิทธิพลจากพายุ "เซินกา" ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมที่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรบางส่วนได้รับความเสียหาย อาทิ ข้าวนาปี และมันสำปะหลัง แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ผลผลิตข้าวรวมทั้งประเทศยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าพืชอื่น ๆ ที่มีความสำคัญในไตรมาส 3 เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และลำไย มีทิศทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับการผลิตสินค้าปศุสัตว์เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ประกอบกับระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน ในส่วนของสาขาประมง ผลผลิตกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงและสัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือภาคใต้ลดลง ขณะที่การผลิตสัตว์น้ำจืดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ปรับตัวดีขึ้น ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์มีทิศทางเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อหากพิจารณาเป็นรายสาขา พบว่าสาขาพืช ขยายตัวร้อยละ 7.4 โดยผลผลิตพืชสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ลำไย มังคุด และเงาะ โดย ข้าวนาปี มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากในช่วงฤดูเพาะปลูก มีฝนตกตามปกติ และปริมาณน้ำฝนสูงค่ากว่าเฉลี่ยในทั่วทุกภาคของประเทศ ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้ตามฤดูกาลทั้งในพื้นที่นาลุ่มและนาดอน รวมถึงพื้นที่นาที่เคยปล่อยว่างในปีที่ผ่านมา ข้าวนาปรัง มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่มีมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเพียงพอต่อการเพาะปลูกและเจริญเติบโตของต้นข้าว ทำให้เกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโต และไม่กระทบแล้งในช่วงออกดอก มันสำปะหลัง มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยปริมาณน้ำเพียงพอ ประกอบกับเกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ส่งผลให้มันมีขนาดหัวใหญ่และมีน้ำหนักดี
ยางพารา มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากยางพาราที่ปลูกในปี 2554 ทดแทนพื้นที่พืชไร่ ไม้ผล นาข้าว และปลูกทดแทนในสวนยางพาราเก่า เริ่มให้ผลผลิต ปาล์มน้ำมัน มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นปาล์มที่ปลูกใหม่ในปี 2557 เริ่มให้ผลผลิต ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ ทำให้ทะลายปาล์มมีน้ำหนักดี
สินค้าที่ราคาเฉลี่ยในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ยางแผ่นดิบ และทุเรียน โดยมันสำปะหลัง แม้มีราคาเพิ่มขึ้น แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเปอร์เซ็นต์แป้งลดลง ด้านการส่งออก ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2560 สินค้าพืชและผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวรวม มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยางพารา น้ำมันปาล์ม สับปะรดและผลิตภัณฑ์ ลำไยและผลิตภัณฑ์ ทุเรียนและผลิตภัณฑ์ มังคุด และเงาะและผลิตภัณฑ์ ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีปริมาณและมูลค่าส่งออกในช่วงดังกล่าวลดลงสาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 2.3 โดยสินค้าปศุสัตว์ทั้งไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ และน้ำนมดิบ มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มปริมาณการผลิตในช่วงที่ผ่านมาเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับเกษตรกรมีการดูแลการเฝ้าระวังโรคระบาดได้ดี และสภาพอากาศที่เย็นขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2559 ทำให้สัตว์เจริญเติบโตได้ดีราคาในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2560 ไก่เนื้อ และน้ำนมดิบ มีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่สุกร และไข่ไก่ มีราคาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
การส่งออก ในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2560 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยปริมาณและมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งเนื้อไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงแต่ง การส่งออกไปยังตลาดหลักทั้งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน ขยายตัวได้ดี และการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากภายหลังการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อไก่จากไทยได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559
สาขาประมง หดตัวร้อยละ 3.2 เป็นผลมาจากกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงผลผลิตมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในแหล่งผลิตสำคัญภาคใต้ เกษตรกรผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ชะลอการเลี้ยงในช่วงก่อนหน้าเนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกค่อนข้างมาก ราคา ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2560 ราคากุ้งขาวแวนนาไม และราคาปลานิลที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยลดลง
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ในขณะที่ราคาปลาดุกบิ๊กอุยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การส่งออก ช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2560 ปลาและผลิตภัณฑ์ เป็นสินค้าประมงที่ทั้งปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลง สำหรับกุ้งและผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าประมงที่ทั้งปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามความต้องการซื้อจากตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.0 จากสถานการณ์การผลิตทางการเกษตรเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ มีฝนตกตามฤดูกาลเพียงพอต่อการเพาะปลูก เกษตรกรจึงขยายเนื้อที่เพาะปลูกข้าวนาปีและข้าวนาปรังเพิ่มขึ้น ทำให้มีการจ้างบริการเตรียมดิน ไถพรวนดิน และเกี่ยวนวดข้าว เพิ่มขึ้น อีกทั้งเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัดต้องปลูกข้าวซ่อมในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จึงทำให้มีการจ้างบริการเพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้น
สาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 2.2 เนื่องจากผลผลิตไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปตัส และครั่ง ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก สำหรับไม้ยางพาราเพิ่มขึ้นตามการตัดโค่นต้นยางพาราเก่าที่หมดอายุ ซึ่งส่วนใหญ่นำไปทำไม้แปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ เพื่อใช้ภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ขณะที่ไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ภายในประเทศ ส่วนครั่งมีการเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดี เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยมากขึ้น
ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 2560 จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 3.0 – 4.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ณ เดือนมิถุนายน 2560 ว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.5 – 3.5 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ขยายตัวได้ในระดับสูงอยู่ที่ร้อยละ 10.3 โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากช่วงครึ่งแรกของปี ทั้งนี้ คาดว่าทุกสาขาการผลิต ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตทางการเกษตรมากขึ้น ประกอบกับมีแรงขับเคลื่อนจากการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกในปี 2560 ที่มีทิศทางดีขึ้น เป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยสนับสนุนให้ภาคเกษตรในปีนี้เติบโตได้ดี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit