นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 7 จังหวัด 17 อำเภอ 31 ตำบล 59 หมู่บ้าน 12 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ รวม 1,000 หลังคาเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ดังนี้ สุโขทัย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอกงไกรลาศ อำเภอคีรีมาศ อำเภอศรีสัชนาลัย และอำเภอสวรรคโลก รวม 13 ตำบล 57 หมู่บ้าน 12 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 898 หลังคาเรือน เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มเก่า และอำเภอหนองไผ่ รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 2 หลังคาเรือน เสียชีวิต 1 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอน้ำโสม บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1 หลังคาเรือน สกลนคร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอเต่างอย รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 11 หลังคาเรือน เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเอราวัณ บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลังคาเรือน เสาไฟฟ้าหัก 5 ต้น ต้นยางพาราหักโค่น 20 ต้น นครพนม เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนสวรรค์ และอำเภอท่าอุเทน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 82 หลังคาเรือน หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอเมืองหนองคาย บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1 หลังคาเรือน โรงเรียน 1 แห่ง ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักบางแห่ง และอาจมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในช่วงวันที่ 22 – 23 กุมภาพันธ์ 2561 มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคกลาง 18 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป