ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง กนกรัตน์ นันทิรุจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคเกาต์ (Gout) เป็น โรค ข้ออักเสบ ที่ปวดเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่รู้จักกันมานาน ถือได้ว่าเป็นโรคที่เก่าแก่ที่สุดโรคหนึ่งในประวัติศาสตร์ และก็ยังพบว่าเป็นปัญหาโรคข้อที่สำคัญในปัจจุบัน ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคเกาต์ที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมาตรฐานความเป็นอยู่ อาหาร สภาวะทางโภชนาการที่ดี เกินความพอดีในยุคปัจจุบัน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์มากขึ้น เช่นการรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนมาก หรือพืชผัก ผลไม้หรือ น้ำผลไม้บางชนิด หรือ แอลกอฮอล์ ก็มีส่วนกระตุ้นการสร้างกรดยูริกในร่างกาย ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมาก ๆ ก็ทำให้กรดยูริกในร่างกายสูงได้เช่นกัน
"สาเหตุโรคเกาต์ เกิดจากภาวะกรดยูริก (Uric acid) ในเลือดสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยภาวะกรดยูริกสูงหมายถึงระดับกรดยูริกมากกว่า 7 มก./ดล. ในเพศชาย และ 6 มก./ดล. ในเพศหญิง โรคเกาต์พบบ่อยในชายวัยกลางคนขึ้นไป หรือหญิงในวัยหมดประจำเดือน"
การสะสมของกรดยูริกในร่างกายเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคเกาต์ขึ้นได้ โดย เกิดโรคได้ในหลายอวัยวะ ได้แก่ ข้อ ผิวหนัง และไต อาการที่พบบ่อยที่สุด คืออาการทางข้อ ได้แก่ ข้ออักเสบเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงและฉับพลันทันทีทันใด ข้อที่เป็นจะบวมขึ้น มีสีแดงรอบ ๆ ข้อ หากคลำดูจะพบว่าอุ่นกว่าข้อเดียวกันในข้างตรงข้าม ข้อที่อักเสบในช่วงแรก มักเป็นที่ข้อโคนนิ้วหัวแม่เท้า หรือข้อเท้า หากทิ้งไว้นาน โดยไม่ได้รับการรักษา อาจมีการอักเสบที่ข้ออื่นได้ด้วย เช่น ข้อเข่า ข้อศอก ข้อมือเป็นต้น
ทางด้าน พลตรีหญิง รศ.พญ.ไพจิตต์ อัศวธนบดี ที่ปรึกษาอาวุโส อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติซั่ม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ากล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวของโรคเกาต์คือ ภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยเกาต์ที่ ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องในระยะแรกจะเข้าสู่ระยะข้ออักเสบเรื้อรังหลายข้อ มีการทำลายข้อเกิดความผิดรูปและพิการ นอกจากนี้ยังพบก้อนโทฟายที่ผิวหนังซึ่งเกิดจากรวมตัวของผลึกเกลือยูเรต อาจเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะและท้ายที่สุดคือ โรคไตวายเรื้อรัง ดังนั้นการรักษาโรคเกาต์ในระยะข้ออักเสบเฉียบพลันคือ การใช้ยาต้านการอักเสบ จนเมื่อข้ออักเสบหายสนิทแล้วก็จะพิจารณาให้ การรักษาระยะยาวได้แก่ การลดหรือแก้ไขปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเกาต์และการใช้ยาลดกรดยูริกในเลือดผู้ป่วยโรคเกาต์มักมีโรคร่วมเช่น ภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน ดังนั้นจึงควรได้รับการตรวจหาเพื่อจะได้แก้ไขและให้การรักษาไปพร้อมๆกันผู้ป่วยเกาต์ควรมีความรู้ถึงวิธีการปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง รู้จักหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงรวมทั้งชนิดของอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรคเกาต์
สิ่งที่น่าห่วงใยอีกประการหนึ่งคือ การที่ผู้ป่วยซื้อยารักษาตนเอง อาจแพ้ยาหรือเกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่นมี เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร ตับอักเสบ หรือเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน เป็นต้นสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรคเกาต์เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันการปฏิบัติตนและรักษาอย่างถูกวิธีเนื่องจากโรคนี้เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับโรคได้และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจจะร้ายแรง จึงได้เตรียมจัดงาน จัดงาน "Be Happy Gout เรื่องเกาต์...เราต้องรู้" โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้พร้อมแนวทางการรักษาเรื่องโรคเกาต์ และเปิดประสบการณ์ ตรงเมื่อเกาต์เข้ามาเยือน โดย ตุ๊กกี้ สุดารัตย์ และ อ่ำ อัมรินทร์ และพบกับหลากหลายเมนูสุดยอดที่ดีต่อโรคเกาต์ พร้อมกับฟังธรรมมะเดลิเวอรี่ อยู่กับเกาต์อย่างไร...ให้ใจสุข กับ พระมหาสมปอง ตาลปุตโต ในวันที่ 14 มกราคม 2561 ณ บริเวณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 7 เซ็นทรัล แกรนด์ พระราม 9 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit