ไซโก มอบเงินกว่าเก้าล้านบาท จากการจำหน่าย “SEIKO Number ๙” บริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

18 Jan 2018
บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตนาฬิการุ่น "SEIKO Number ๙" เป็นตัวแทนผู้ซื้อ พร้อมนำรายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่าย จำนวนทั้งสิ้น 9,208,555 บาท บริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อร่วมสานต่อโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและถวายเป็นพระราชกุศล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา
ไซโก มอบเงินกว่าเก้าล้านบาท จากการจำหน่าย “SEIKO Number ๙” บริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

มร. ฮารุมิตซึ อากาชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงและมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่โครงการผลิต SEIKO Number ๙ ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย จนสามารถนำรายได้สมทบมูลนิธิชัยพัฒนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยบริษัทฯ ไม่รับผลกำไรแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งยังได้ร่วมสืบสานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง โครงการนี้สำเร็จได้ด้วยดี เพราะความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งบริษัทไซโก วอชท์ คอร์เปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ที่ช่วยสนับสนุนและอนุมัติให้สายการผลิตที่เลิกผลิตไปแล้ว กลับมาผลิตให้คนไทยอีกครั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ ลูกค้าผู้ซื้อนาฬิกาทั้ง 2,999 ท่านที่ได้ร่วมโครงการนี้กับไซโก เป็นผู้ร่วมสมทบเงินเพื่อนำไปทำประโยชน์ในโครงการต่างๆ ในพระราชดำริ""นี่คือโครงการที่พิเศษและถือเป็นเกียรติมากที่สุดของบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด โดยทุกคนในองค์กรของบริษัทฯ เอง ก็น้อมนำปรัชญา "ความพอเพียง" ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาเป็นแนวทางในการดำเนินการ จึงตั้งใจผลิตนาฬิการุ่นพิเศษในราคาที่ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้"

ความเป็นมาของโปรเจ็กต์พิเศษนี้เกิดจากกระแสดังในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับนาฬิกาไซโก ซึ่งได้รับการกล่าวถึงอย่างล้นหลาม จนมีจดหมายยื่นเพื่อเรียกร้องให้นำกลับมาจัดทำอีกครั้ง โดยนำนาฬิกา SEIKO Kinetic Sport 200 เมตร รหัส SKJ045P1 ซึ่งเคยจำหน่ายในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538 กลับมาผลิตและจำหน่ายใหม่ ซึ่งรุ่นปัจจุบันนี้ใช้ชื่อว่า "SEIKO Number ๙" ผลิตเป็น Limited Edition จำนวนเพียง 2,999 เรือน ในราคา 10,990 บาทเท่านั้น โดยเปิดจองทางเว็บไซต์ไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560 จนกระทั่งวันที่ 25 พฤศจิกายน ไซโกได้จัดงานส่งมอบ SEIKO Number ๙ โดยมีลูกค้าผู้สั่งจองให้ความสนใจเข้ามารับนาฬิกาด้วยตนเองเป็นจำนวนมาก ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ พร้อมร่วมบอกเล่าหลากหลายเรื่องราวและความประทับใจที่ได้ครอบครองนาฬิกาอันทรงคุณค่ายิ่งนี้ อาทิ

นายจิราณัฏฐ์ อ่อนเจริญ นายช่างโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เจ้าของ SEIKO Number ๙ เรือนนาฬิกาเลขที่ 1160/2999 กล่าวว่า "ตนเองชื่นชอบและใช้นาฬิกาไซโกอยู่แล้ว พอทราบข่าวการจัดทำนาฬิการุ่นนี้ จึงต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึก ร่วมน้อมรำลึกถึงในหลวง รัชกาลที่ ๙ และร่วมบริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา ตนปลาบปลื้มอย่างมากที่ได้เป็นเจ้าของ SEIKO Number ๙ จึงตั้งใจมารับนาฬิกานี้ด้วยตนเองพร้อมภรรยา แม้ไม่เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาก่อนในชีวิต แต่คิดว่ายังไงก็ต้องเดินทางมารับด้วยตนเองให้ได้ ตนจะใช้นาฬิกาเรือนนี้ติดตัวตลอดเพื่อระลึกถึงพระองค์ และจะนำปรัชญาพอเพียง มาปรับใช้กับชีวิต การทำงาน และการอดออม ตนรับราชการอยู่แล้ว จึงอยากบอกต่อสอนต่อ โดยเฉพาะชาวบ้านในชุมชนที่ทำงานอยู่ด้วย"

ส่วน นายเสรี กีรติธรรม ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เจ้าของ SEIKO Number ๙ เรือนนาฬิกาเลขที่ 0015/2999 เล่าว่า "ตนเคยเห็นภาพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงสวมใส่นาฬิการุ่นนี้ จึงรับรู้ได้ถึงความพอเพียง พระองค์สามารถจะมีของหรูหราราคาแพงเท่าไหร่ก็ได้ แต่กลับทรงเลือกใช้สิ่งของหลายๆ อย่าง รวมถึงนาฬิกาเรือนนี้ที่ราคาก็ไม่สูง ทรงเป็นต้นแบบของความพอเพียง ตนคิดว่าคุณค่าของ SEIKO Number ๙ ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าถูกหรือแพง แต่อยู่ที่หลักคำสอนและวิธีการดำเนินชีวิตเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชนชนมากกว่า ที่สำคัญคือนำเงินไปสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา สำหรับหัวใจสำคัญของความพอเพียง ในหลวงทรงสอนให้ประชาชน "ทำ" ไม่ได้หยิบยื่นแค่ "เงิน" ให้ แต่สอนให้ทำกินทำเป็น เลี้ยงตัวเองได้ ผมภูมิใจที่เงินเล็กน้อยจากการซื้อนาฬิกาเรือนนี้ สามารถช่วยสานต่อโครงการในพระราชดำริได้"

และสำหรับเจ้าของ SEIKO Number ๙ เรือนนาฬิกาเลขที่ 0597/2999 นายกิตติคุณ กิ่งแก้ว กรรมการ บริษัท มิตรทำ 52 จำกัด บอกถึงความประทับใจ SEIKO Number ๙ ว่า "ตั้งแต่ปี 2559 ที่เห็นจากสื่อโซเชียลว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงใช้นาฬิการุ่นนี้ ก็ตามหาทันที เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระองค์ท่านและเป็นแรงบันดาลใจทั้งในแง่การทำงานเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก ความเสียสละ วิริยะอุตสาหะ ความพอเพียง การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์และสิ่งของ ล้วนเป็นแบบอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ตนโชคดีอย่างมากที่เป็น 1 ใน 2,999 คนที่มีโอกาสครอบครองนาฬิกาเรือนนี้"

บริษัทไซโก (ประเทศไทย) จำกัด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า "SEIKO Number ๙" โปรเจ็กต์พิเศษที่จัดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติ ทุกคนในองค์กรเองรู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง แม้บริษัทไซโก จะเป็นองค์กรต่างชาติ แต่ก็รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงเป็นต้นแบบที่ดีหลายๆ ด้านของชาวไทย และหวังว่าทุกครั้งที่มีการสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ จะช่วยกระตุ้นและย้ำเตือนให้ระลึกถึงคำสอนของพระองค์ โดยเฉพาะเรื่อง "ความพอเพียง" ในการดำเนินชีวิต และการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคมต่อไป

HTML::image( HTML::image( HTML::image(