ทั้งนี้ ปตท . ได้ร่วมหารือกับ กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนเชื้อเพลิงสำรองให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างแล้ว โดย ปตท. เตรียมจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนสำหรับโรงไฟฟ้าภาคใต้ และเรียกรับ ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่น รวมถึงจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว สำหรับสถานีบริการเอ็นจีวีในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่ได้รับผลกระทบรวม 15 แห่ง ในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ซึ่งมีปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วงเวลาปกติประมาณ 120 ตันต่อวัน นั้น ปตท. เตรียมแผนขนส่งเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักราชบุรี พร้อมทั้งผลิตเอ็นจีวีสำรองไว้ล่วงหน้า ณ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีปริมาณเอ็นจีวีที่จัดสรรรองรับในช่วงดังกล่าวได้ทั้งหมด 84 ตันต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 70 ของปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วงปกติ ซึ่งสำรองก๊าซได้ปริมาณมากกว่าการหยุดซ่อมบำรุงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปตท. ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถได้รับทราบล่วงหน้าตั้งแต่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ใช้รถวางแผนการเดินทาง และขอความร่วมมือผู้ใช้รถยนต์ 2 ระบบ (น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี) โปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิง
"ปตท. ตระหนักถึงความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ใช้พลังงาน จึงเตรียมเปิดศูนย์บริหารจัดการเอ็นจีวี ในช่วงแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการทำงานของทีทีเอ็มและดูแลสถานการณ์การใช้เอ็นจีวีในพื้นที่ในช่วงเวลาดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดย ปตท. พร้อมบริหารจัดการอย่างดีที่สุดตามแผนบริหารจัดการที่ได้เตรียมไว้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด" นายนพดล กล่าวเสริมในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit