CR7 เปิดใจกับอดีตเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงว่า "วันที่ผมมาเปิดตัวที่มาดริด ผมรู้สึกประหลาดใจมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีแฟน ๆ เดินทางมาต้อนรับเป็นจำนวนมหาศาลราวกับเป็นวันแข่งเลยทีเดียว ผมรู้สึกภูมิใจมาก ผมตระหนักได้ทันทีเลยว่าฟุตบอลเปรียบเสมือนสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนที่นี่ ผมจึงบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องแสดงฝีเท้าของผมและสร้างความแตกต่างให้ได้ ผมเริ่มต้นฤดูกาลแรกได้ดี และก็พัฒนาผลงานได้ดีขึ้นทุกซีซั่น แม้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ผมก็ไม่มีวันลืมแฟน ๆ ทีมปีศาจแดงแน่นอน"
สุดยอดกองหน้าชาวโปรตุกีสเป็นนักเตะที่พัฒนาฝีเท้าตัวเองตลอดเวลา สิ่งที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักเตะชั้นของโลกคือพรสวรรรค์และพรแสวง เขาไม่เคยหยุดนิ่ง แม้จะสิ้นสุดการซ้อมในแต่ละวันก็ตาม "ผมเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นและดียิ่งขึ้นไปอีกเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก ผมคิดว่าถ้าคุณมีทั้งพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง คุณก็จะสามารถกลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ได้" โรนัลโด้เล่าให้ฟังถึงหนทางสู่การเป็นแข้งเวิลด์คลาส
"เป้าหมายในสนามของผมคือการคว้าแชมป์เท่านั้น เพราะเราพยายามอย่างหนัก 10-11 เดือน ถ้าไม่ได้แชมป์ ทุกอย่างก็คงสูญเปล่า ผมอยากได้แชมป์เพื่อทีมและเพื่อตัวผมเอง ผมทุ่มตัวเองเต็มที่เพื่อสิ่งนี้ ส่วนเรื่องนอกสนามผมจะใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อน ๆ และเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก" โรนัลโด้เผยเป้าหมายในชีวิตทั้งในและนอกสนาม
สำหรับอาวุธคู่กายของเขาอย่างรองเท้าฟุตบอลไนกี้ตระกูลเมอร์คิวเรียล CR7 กล่าวถึงความรู้สึกครั้งแรกที่ได้สวมใส่ว่า "ผมสวมรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ตั้งแต่อายุ 16 ปี ผมถึงกับรู้สึกทึ่งในความสวยงามราวกับเพชรตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเห็น และทันทีที่ผมได้ลองใส่ลงสนาม ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนใจเลยจนถึงทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่ามันเหมาะกับตัวผมเอง ใส่แล้วรู้สึกดี ทำให้ผมใช้ความเร็วได้เต็มที่ ยิงได้เต็มข้อ และมีความสวยงามอีกด้วย ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรองเท้ารุ่นนี้ และที่สำคัญผมยังคงเดินหน้าพังประตูคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง"
"รองเท้าทุกคู่ต่างก็มีเรื่องราวในตัวมันเอง เช่นเดียวกับรองเท้าคู่นี้ ผมตั้งใจให้มีคำว่า 'El Sueño Del Niño' แปลว่าความฝันในวัยเยาว์ เพื่อแสดงถึงความฝันของผมที่เป็นจริงขึ้นมาจากการได้ย้ายมาร่วมทัพ 'โลส บลังโกส' ซึ่งแมตช์แรกที่ผมใส่รองเท้าคู่นี้ผมก็ทำได้ 2 ประตูทันที และผมก็อยากที่จะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันต่อไปด้วย" โรนัลโด้กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เคยร่วมทีมเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ได้กล่าวว่า "โรนัลโด้ ย้ายมาร่วมทีมในวัย 18 ปี พร้อมกับฝีเท้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์ ทุกคนในทีมต่างก็รู้ดีว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก เขากล้าเล่น ขอบอลตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะโดนสกัดล้มลงกี่ครั้ง เขาก็ยังลุกขึ้นโดยไม่บ่นสักคำ ความกระตือรือร้นของเขาเพิ่มขึ้นตลอด เขามีทุกอย่างทั้งทักษะ ทัศนคติ และสมาธิ ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นสุดยอดนักเตะอย่างทุกวันนี้ เมื่อปี 2003 เขาย้ายมาที่แมนเชสเตอร์เพื่อโชว์ลีลาสร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอล แต่เขาย้ายออกไปในฐานะยอดผู้เล่นที่แท้จริงที่คำนึงถึงการทำประตูและการคว้าชัยให้ทีมเป็นอันดับแรก ในช่วงปี 2000 การทำประตูราว ๆ 25-30 ประตู ถือเป็นมาตรฐานทั่วไป แต่ โรนัลโด้ คือผู้ที่สร้างมาตรฐานขึ้นมาใหม่ด้วยการทำฤดูกาลละ 50 ประตูในทุกรายการ ซึ่งอัตราการพังประตูต่อเกมของเขาก็ทำให้เราประหลาดใจ"
อดีตปราการหลังตัวแกร่งทีมชาติอังกฤษกล่าวต่อว่า "ทุกวันนี้โรนัลโด้คือมาตรฐานใหม่ ผลงานส่วนตัวของเขาโดดเด่นกว่าตำนานนักเตะหลายคน และเด็กรุ่นใหม่ต่างก็มองเขาว่าเป็นไอดอล ยกตัวอย่างเช่น คีเลียน เอ็มบับเป้, อุสมาน เด็มเบเล่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต่างก็ยกให้ โรนัลโด้ เป็นแรงบันดาลใจซึ่งยากจะมีใครทัดเทียม อย่ามองเพียงความสำเร็จในสนาม อยากให้ดูที่ความทุ่มเทในการฝึกซ้อมของเขาด้วย สิ่งที่เราเห็นในตัวคริสเตียโน่ คือส่วนผสมของพรแสวงและพรสรรค์ในสนามอย่างแท้จริง"
นอกเหนือจากฝีเท้าอันสุดยอดของ CR7 แล้ว เรายังมีตัวอย่างลีลาฝีเท้าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ ลูกชายของเขา ที่ถือว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวเช่นกัน ติดตามการสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ที่ลิงค์นี้ https://youtu.be/yBjBEGRacJc
รองเท้าฟุตบอล เมอร์คิวเรียล ซูเปอร์ฟลาย ซีอาร์เซเว่น แชปเตอร์ไฟว์: คัท ทู บริลเลียนซ์ มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านอาริ ฟุตบอล คอนเซ็ปต์ สโตร์ และเว็บไซต์ nike.com ในราคา 10,800 บาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit