สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน ผู้นำที่ปรึกษาด้านการศึกษาระดับโลก เปิดสาขาใหม่ในกรุงเทพมหานครเพื่อผลักดันนักเรียนไทยและนักเรียนทุกคนทั่วโลก สามารถเข้าถึงเครือข่ายติวเตอร์ ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่คอยให้คำปรึกษากว่า 2,000 คนทั่วโลก
การเปิดสาขากรุงเทพฯของสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสันนั้น เป็นการนำนักเรียนไทยให้เข้าสู่การศึกษาในยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคที่ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการก้าวสู่ความสำเร็จอีกต่อไป โดยสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน จะช่วยให้นักเรียนไทยสามารถเข้าถึงและได้รับคำปรึกษาจากติวเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากเอ็มไอที ที่ปรึกษาด้านกิจกรรมนอกห้องเรียนจากฮาร์วาร์ด หรือที่ปรึกษาด้านธุรกิจจากสถาบันสอนด้านบริหารธุรกิจINSEAD
สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน ได้ออกแบบการศึกษาที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล การให้คำปรึกษาแนะแนวอย่างครบวงจรโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก โดยนำความเข้าใจที่เรามีเกี่ยวกับนักเรียนไทยมาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายในอนาคตของนักเรียนได้อย่างลงตัว
ด้วยความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาของไทยจึงทำให้สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสันไม่เพียงแต่สามารถจับคู่อาจารย์ที่ปรึกษาที่มีพื้นฐานความเข้าใจด้านวัฒนธรรมและระบบการศึกษาของแต่ละพื้นที่ๆ เหมาะสมแก่นักเรียน แต่ยังทำให้มั่นใจว่านักเรียนแต่ละคนจะไม่ถูกปิดกั้นต่อการเดินตามความฝันและเลือกอาชีพของตนเอง
คุณสุจารี ชู กรรมการผู้จัดการ บริษัทสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน ประเทศไทย ศิษย์เก่าฮาร์วาร์ดและนักเรียนทุ่นเล่าเรียนหลวง กล่าวว่า "ในบางครั้ง การตัดสินใจที่ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญอะไร หรือ เหตุการณ์ที่ไม่ดีที่เจอในช่วงปีแรกๆ ของการเรียน สามารถส่งผลอย่างใหญ่หลวงให้กับชีวิตของนักเรียนในเวลาต่อมา เช่น ถ้านักเรียนได้เจอกับครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่น่าเบื่อ สิ่งนี้อาจจะทำให้เขาไม่สนใจอาชีพด้านมนุษศาสตร์ แต่อาจไปเลือกเรียนด้านวิทยาศาตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์แทน"
ทั้งนี้สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน ยังเชื่อว่าด้วยข้อบกพร่องของการศึกษาไทย อาทิ การเน้นการเรียนแบบท่องจำ หรือการขาดทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ในห้องเรียน เมื่อมารวมกับค่านิยมของสังคม เช่น พ่อแม่คนไทยหลายคนต้องการให้ลูกเรียนจบปริญญาตรีภายในประเทศเพื่อการสร้างเครือข่ายในอนาคต กลับกลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการวางแผนและเลือกมหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนไทย
"สถาบันฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ ซอฟ์ทสกิล (Soft skills) สำหรับกลุ่มนักเรียนในพื้นที่เอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทย เช่น การสนับสนุนให้คิดอย่างแตกต่าง มีความคิดริเริ่ม และมีความคิดวิพากษ์วิจารณ์ อันล้วนแต่เป็นสิ่งที่หลักสูตรด้านการศึกษาของไทยยังขาดอยู่ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างออสเตรเลียนั้น สถาบันฯ จะมุ่งให้ความสำคัญในด้านวิชาการมากกว่า"
จากการประเมินในโปรแกรมประเมินผลการศึกษาของประเทศสมาชิก(PISA) ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 54 จาก 70 ประเทศ ดังนั้นสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสันจึงตระหนักว่าการศึกษาไทย ควรเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพของนักเรียน ซึ่งในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้น สถาบันฯ เห็นว่าควรจัดการกับต้นเหตุของปัญหาซึ่งได้แก่ บรรทัดฐานทางสังคมสำหรับวัฒนธรรมไทย
คุณสุจารี กล่าวต่อว่า "ระบบการศึกษาไทยมุ่งเน้นเรื่องเนื้อหา มากกว่ากระบวนการคิด ไม่ได้สนับสนุนให้มีการคิดเชิงวิพากษ์หรือการเรียนรู้แบบสืบหาข้อเท็จจริง จึงทำให้นักเรียนไม่เกิดความเข้าใจที่แท้จริง เกิดปัญหาในการประยุกต์ใช้ความรู้แม้แต่ในระดับพื้นฐาน โดยบ่อยครั้งที่นักเรียนไทยไม่พร้อมเมื่อต้องเข้าร่วมการอภิปราย หรือขาดคิดอย่างเป็นระบบเมื่อต้องแข่งขันในเวทีระดับโลก ดังนั้น นักเรียนไทยจึงต้องเข้าใจว่า การเรียนรู้เป็นการรับทักษะ หรือรับความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ไม่ใช่มองว่าเป็นเพียงการรับเพียงตัวข้อมูลหรือเนื้อหาเท่านั้น"
โมเดลของการศึกษาที่ไม่เหมือนใครและเฉพาะเจาะจงของสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสันนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2556 โดยเจมี่ บีตัน ผู้ร่วมก่อตั้งชาวนีซีแลนด์ที่มีอายุเพียง 18 ปี ซึ่งเขาได้สังเกตเห็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพแต่ขาดที่ปรึกษาและการสนับสนุนช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการเลือกเรียนต่อในมหาลัย ปัจจุบันสถาบันฯ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงถึง 140 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 4,900 ล้านบาท มี 11 สาขาทั่วทั้ง 4 ทวีป และยังมีแผนในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนจำนวนหลายร้อยคนได้รับการตอบรับเข้าเรียนในสถาบันอันทรงเกียรติระดับโลกและมหาวิทยาลัยไอวี่ ลีก ที่รวมทั้ง ฮาร์วาร์ด เยล สแตนด์ฟอร์ด และออกซ์บริดจ์ (ออกซ์ฟอร์ด และ เคมบริดจ์)
"ความตั้งใจของเราคือการผลักดันให้เด็กไทยตระหนักถึงศักยภาพที่พวกเขามีอยู่ ทั้งด้านวิชาการและทักษะนอกห้องเรียน ด้วยการทลายกำแพงที่ขวางกั้นนักเรียนจากโอกาสทางการศึกษาในระดับโลกที่มีไว้สำหรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและการเข้าถึงทางการศึกษาแบบใหม่ในปัจจุบัน ที่ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนนักเรียนก็สามารถเข้าถึงการให้คำปรึกษาอย่างเท่าเทียมกันด้วยทางการเชื่อมต่อทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกซ์ "คริมสัน ฮับ"(Crimson Hub) ซึ่งรวบรวมวิดีโอกว่า 5,000 รายการ ที่มีทั้งคำปรึกษาและคำแนะแนวจากนักศึกษาที่ประสบความสำเร็จฯ จากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ อันถือเป็นแหล่งเทคโนโลยีการศึกษาแห่งแรก และยังเป็นเครื่องมือที่ปฏิวัติการศึกษาสำหรับนักเรียนอีกด้วย" คุณสุจารี กล่าวเพิ่มเติม
สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน เริ่มให้คำปรึกษากับนักเรียนตั้งแต่อายุน้อยๆ อย่าง มัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งแตกต่างจากสถาบันให้คำปรึกษาอื่นๆ ที่เริ่มให้คำปรึกษากับเด็กๆในปีสุดท้ายก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยสถาบันฯ เชื่อว่าเมื่อนักเรียนได้ค้นพบความต้องการของพวกเขาแล้ว จากนั้นจึงจะสามารถวางกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในกระบวนการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้วยโปรแกรมเฉพาะสำหรับนักเรียน ซึ่งรวมถึงการให้คำปรึกษาแนะแนวด้านวิชาการสำหรับบุคคล การให้คำปรึกษาเรื่องมหาวิทยาลัย ช่วยฝึกเรื่องการตอบสัมภาษณ์ ติวสอนวิชาต่างๆ ติว SAT หรือ ACT และทักษะนอกห้องเรียนซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพื่อเตรียมให้เด็กมีศักยภาพพร้อมในเวทีระดับโลก
"สถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน ยังเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากตอนที่เราเริ่มก่อตั้งสถาบันฯ ที่ประเทศนิวซีแลนด์ มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกา แต่ในปี 2559 ที่ผ่านมา นักเรียนทุกคนที่ได้รับการตอบรับเข้าเรียนในฮาร์วาร์ดคือนักเรียนของสถาบันแนะแนวการศึกษาคริมสัน จึงสะท้อนได้ว่าเราสามารถเข้าไปเปลี่ยนวัฒนธรรมการศึกษาของที่นิวซีแลนด์ได้อย่างสิ้นเชิง และดิฉันเองรู้สึกภาคภูมิใจ และรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เรากำลังจะทำสิ่งเดียวกันนี้ที่ประเทศไทย เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพของนักเรียนไทยให้กลายเป็นผู้แข่งขันที่มีศักยภาพบนเวทีโลก" คุณสุจารีกล่าวทิ้งท้าย
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit