นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิfเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2560เกิดสถานการณ์ไฟป่าใน 3 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ น่าน และพะเยา ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานีโดยจังหวัดน่าน เกิดไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำว้า และป่าห้วยสาลี พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายประมาณ 60 ไร่จังหวัดพะเยา เกิดไฟป่าบริเวณป่าชุมชนบ้านปงสนุก ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายของพื้นที่ป่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดไฟป่าบนภูเขาเพชร ตำบลสองแพรก อำเภอชัยบุรี พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายประมาณ 20 ไร่ ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดดังกล่าวได้สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกปฏิบัติการดับไฟป่า พร้อมจัดทำแนวกันไฟป้องกันไฟป่าลุกลามขยายวงกว้าง อย่างไรก็ตาม จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 เวลา 05.00 น. พบว่า พื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 72 - 154 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 70 – 115 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพดยจังหวัดลำปางในพื้นที่ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะมีคุณภาพอากาศเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ค่า PM10 154 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI115กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก "ประชารัฐ"ขับเคลื่อนการทำงานในมิติเชิงพื้นที่พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการสั่งการควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควันพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังและระงับเหตุไฟป่าระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครภาคประชาชนจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงกรณีเกิดวิกฤตหมอกควันให้คุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผารวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองหมอกควันในอากาศอีกทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควันทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป