"ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้และกำไรโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิต 220 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวทยอยรับรู้รายได้ใน 4 ปี ปีข้างหน้า หรือเฉลี่ยปีละ 2,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ร่วมถือหุ้นในโครงการดังกล่าวในสัดส่วน 12% ซึ่ง VTE ถือเป็นผู้รับเหมาของไทยเจ้าแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปก่อสร้าง เมกะโซลาร์ฟาร์มในเมียนมาร์ ที่เพิ่งเปิดให้ PPAโรงไฟฟ้า 9 ใบ โดย VTE ได้ร่วมกับ China Triumph International Engineering Company Limited (CTIEC) ซึ่งถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งมีประสบการณ์สร้างโซลาร์ฟาร์มในประเทศจีนมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และในยุโรป มากกว่า 300 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังเคยสร้างโซลาร์ฟาร์มให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย อีกด้วย นอกจากนี้ VTE ยังเตรียมรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย
"หากรวมงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในไทยที่เฉลี่ยแล้วในแต่ละปีจะได้งานประมาณ 600 ล้านบาท มารวมกับรายได้จากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าในเมียนมาร์เฉลี่ยปีละ 2.5 พันล้านบาท และงานที่เหลืออยู่ในฟิลิปปินส์ ผมมองว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือแตะที่ 3 พันล้านบาท ผลักดันให้กำไรทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง แม้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกอาจชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงของการลงทุน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าที่ปรึกษาด้านบัญชีและภาษี ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย และทางด้านเทคนิค เกิดขึ้น เพื่อเป็นการปิดความเสี่ยงของการลงทุน"นายศุภศิษฏ์
นายศุภศิษฏ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดเตรียมโครงสร้างทางการเงิน เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายแหล่งที่มาของรายได้ประจำ ลดความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากงานรับเหมาภายในประเทศ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ ขณะเดียวกันยังอนุมัติการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไปหรือ General Mandate เรียบร้อยแล้ว ทำให้การระดมทุนมีความคล่องตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีกระแสเงินสดเข้ามาจากการขายโซลาร์ฟาร์มคาโงะชิมา (Kagoshima) ขนาดกำลังการผลิต 1.172 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นอิงะ (Iga) ขนาดกำลังการผลิต 980 กิโลวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น มูลค่าประมาณ 267.45 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR)ในตัวเลข 2 หลัก โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน (Due Diligence) และวางมัดจำโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว 3-4 โครงการ กำลังการผลิตมากกว่า 10 เมกะวัตต์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit