HORECA ASIA 2017 ชู SMEs Start Up โตสวนกระแส เสิร์ฟ Total Solution ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ จัดเลี้ยง รับตลาดอาเซียน

03 Oct 2016
สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ สมาคมการบริหารโรงแรม จับมือ บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด วางแผนจัดงาน HORECA ASIA 2017 หรือ งานแสดงสินค้านานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ และรับจัดเลี้ยง ประจำปี พ.ศ. 2560 ระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านแหล่งวัตถุดิบ สินค้า และบริการสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมฯ พร้อมเปิดโอกาสการค้าสำหรับผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากล
HORECA ASIA 2017 ชู SMEs Start Up โตสวนกระแส เสิร์ฟ Total Solution ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ จัดเลี้ยง รับตลาดอาเซียน

นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ทีเส็บ นายกมล รัตนวิระกุล นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย และนางลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว HORECA ASIA 2017 พร้อมจัดแสดงสินค้านวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การแสดงสาธิตเทคนิคพิเศษด้านสินค้าและบริการของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ และรับจัดเลี้ยง ท่ามกลางกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ระดับพรีเมียมที่เข้าร่วมงานกว่า 100 ราย

นางลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด เปิดเผยว่า "มูลค่าตลาดในกลุ่มธุรกิจ HORECA ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) กาแฟและธุรกิจจัดเลี้ยง (Cafe and Catering) มีมูลค่าตลาดโดยรวมประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี โดยธุรกิจกลุ่มโรงแรมมีมูลค่าสูงถึง 527,000 ล้านบาท ธุรกิจร้านอาหาร 385,000 ล้านบาท และธุรกิจกาแฟ เบเกอรี่ ไอศครีม จัดเลี้ยง 62,000 ล้านบาท ตามลำดับ

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจ HORECA มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10-20% ในแต่ละปี ตามอัตราการขยายตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และแผนการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร กาแฟ เบเกอรี่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่จากเดิมเคยรับประทานอาหารภายในบ้าน ได้ปรับเปลี่ยนเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น ทั้งในร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ดส์ ร้านริมทาง รถเข็น หรือร้านสะดวกซื้อ โดยผลวิจัยพบว่า ปัจจุบัน คนไทยรับประทานอาหารนอกบ้านสัปดาห์ 3-6 ครั้ง จนถึงทุกวัน คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ส่วนที่เหลือ 30% จะไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ้างแต่นานๆ ครั้ง"

ลักษณะดังกล่าวทำให้ ผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ HORECA จำเป็นต้องจัดหาแหล่งวัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องมือ ที่สามารถตอบสนองความต้องการ เสริมศักยภาพ และลดต้นทุน ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตและจำหน่ายแหล่งวัตถุดิบสำหรับการประกอบธุรกิจ ก็ได้พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ต้องการเปิดโอกาสการค้าไปยังตลาดทีมีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"การจัดงาน HORECA ASIA 2017 หรือ งานแสดงสินค้านานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ และรับจัดเลี้ยง จึงเป็นงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งกลุ่มผู้ซื้อ ได้แก่ ผู้ประกอบการในธุรกิจ HORECA หรือที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มผู้ขาย ได้แก่ ผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบด้านต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการทั้งการออกแบบ การตลาด การบริหารจัดการ ได้อย่างครบวงจร โดยมีแนวคิดสำคัญของการจัดงาน คือ นำเสนอ Total Solution สำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง และเป็นเวทีที่จะยกระดับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs Start Up ไทยสู่เวทีนานาชาติ ทั้งการอัพเดทเทรนด์ธุรกิจ พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาด พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ อีกทั้งส่งเสริมการเจรจาธุรกิจในภูมิภาค โดยมีจุดเด่นสำคัญในแง่ความหลากหลายสินค้า การันตีด้านคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ในราคาสินค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบการสำหรับกลุ่ม SMEs Start Up โดยเฉพาะ" คุณลัดดากล่าวสรุป

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า "ทีเส็บในฐานะหน่วยงานภาครัฐอันมีพันธกิจเพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมการจัดการประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติหรืออุตสาหกรรมไมซ์ รวมถึงการสร้างโอกาสทางการตลาดและการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยในตลาดโลก มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการจัดงาน HORECA ASIA 2017 ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยโพรไฟล์ของงานนั้นนับเป็นกลไกสำคัญในการช่วยพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและไมซ์ของไทย อีกทั้งเป็นงานที่แสดงศักยภาพของประเทศไทยสู่เวทีระดับอาเซียน

ทีเส็บเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนด้านการทำตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ซื้อที่มีคุณภาพให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของงาน อาทิ การประชาสัมพันธ์ในตลาดกลุ่มเป้าหมาย เช่น จีน อินเดีย และตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงแคมเปญ Connect Businesses ซึ่งเป็นการนำกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศในอาเซียนและ BIMSTEC ให้เข้าร่วมงาน เพื่อทำการจับคู่เจรจาธุรกิจกันภายในงาน โดยทุกการสนับสนุนก็เพื่อมุ่งหวังให้งานมีการเติบโตและมีผู้เข้าร่วมงาน โดยเฉพาะต่างชาติเพิ่มมากขึ้น

การจัดงานในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจากทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนกว่า 6,500 คน เกิดการลงทุนและการเจรจาธุรกิจ ช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจไมซ์ระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงธุรกิจสู่ความสำเร็จระดับโลกอย่างแท้จริง" คุณนพรัตน์ กล่าวปิดท้าย

นายกมล รัตนวิระกุล นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย กล่าวเสริมว่า "ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีสถิติที่เป็นทางการอย่างถูกต้องของจำนวนโรงแรมและห้องพัก เนื่องจากมีทั้งโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องและ อาคารที่พัก ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรมแต่ประกาศขายห้องพักแบบรายวันอยู่จำนวนมาก จำนวนโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องกับทางราชการมีประมาณ 7,500 แห่ง และคาดว่ามีที่พักที่ไม่ถูกกฎหมายแต่ขายห้องพักแบบโรงแรมอีกไม่น้อยกว่า 5,000 แห่ง ทั่วประเทศ ทั้งนี้ยังไม่รวมคอนโดมิเนียมที่นำห้องพักที่ซื้อไปแล้วมาขายเป็นห้องพักรายวันอีกจำนวนหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพ ทำให้จำนวนโรงแรมที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบันประมาณ 12,000 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักมากกว่า 200,000 ห้องพัก ในจำนวนนี้ร้อยละ 93.0 เป็นโรงแรมขนาดกลาง (ไม่เกิน 200 ห้อง) และขนาดเล็ก (ไม่เกิน 80 ห้อง) ซึ่งมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง คิดเป็น 11.75% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 527,000 ล้านบาทต่อปี โดยในปีนี้เติบโตขึ้น 10.2% โดยมีสัดส่วนจำนวนของรีสอร์ทมากที่สุด รองลงมาคือโรงแรม และยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างชาติ

ในปี พ.ศ. 2558 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 30 ล้านคน และสร้างมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมขนาดกลางและเล็กที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้นทุกปีระหว่าง 50 – 100 แห่งกระจายตามแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศ เช่น เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต สมุย เป็นต้น ส่วนใหญ่ลงทุนโดยผู้ประกอบการไทย เพราะขนาดการลงทุนไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับความต้องการทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนและเอเชีย คิดเป็นกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาเยือนไทย ซึ่งกลุ่มนี้จะให้ความสนใจและต้องการที่จะพักในโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าโรงแรมระดับ 5 ดาว เนื่องจากราคาไม่แพง และได้รับบริการอบอุ่นเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากกว่าโรงแรมขนาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่เจ้าของโรงแรมดูแลบริหารและบริการใกล้ชิดกับลูกค้า"

การเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันและพัฒนากลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) การบริหารทรัพยากร อาทิ การจัดการต้นทุน บริหารค่าใช้จ่าย การจัดหาแหล่งสินค้า วัตถุดิบที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการ 2) การพัฒนาองค์ความรู้ อาทิ การอบรมและเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสินค้า สร้างแบรนด์ สร้างจุดขาย การจัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หรือนำความคิดสร้างสรรค์เข้ามาประยุกต์ใช้ในการสร้างความแตกต่าง และ 3) การสร้างเครือข่ายการตลาด อาทิ การทำตลาดออนไลน์ หรือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ"

"สำหรับการจัดงาน HORECA ASIA ครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประกอบการ นอกเหนือจากการซื้อและขายแล้ว ยังจะได้เรียนรู้ เปิดโลกทัศน์รับสิ่งใหม่ และจุดประกายให้แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่กำลังจะสร้างธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรืออื่นๆ ได้มาศึกษา และวางแผนดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต" นายกสมาคม กล่าวทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการ HORECA ASIA 2017 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

HTML::image(