โดย นางวรรณวิมล ศุภประเสริฐ เลขาธิการมูลนิธิมั่นพัฒนา กล่าวว่า "ที่ผ่านมาเครือข่ายอนาคตไทยเน้นสร้างกระบวนการเรียนรู้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเดินหน้าขับเคลื่อนรุกหนักในจังหวัดพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่างๆ ประเดิมที่ จ.ขอนแก่น เพื่อสร้างโมเดลต้นแบบในการขยายผลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้ได้ จ.สงขลา เป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งล้วนประสบความสำเร็จด้วยดี สำหรับวันนี้ยินดีและเป็นรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่เครือข่ายอนาคตไทยได้รับการตอบรับและความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ใน จ.สุโขทัย ถึง 36 องค์กร ที่รวมพลังกันเป็นเครือข่ายอนาคตไทย จ.สุโขทัย เพราะที่นี่นับเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถขยายผลไปในจังหวัดอื่นๆ ได้ในอนาคต การลงนามจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะทำความดีร่วมกัน กระตุ้นให้คนไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติลดละเลิกพฤติกรรมเชิงลบ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน นักเรียนและนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป โดยคาดหวังว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินผลให้เห็นในรูปธรรม เพื่อให้จังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป"
ขณะที่ พลเอกจิระศักดิ์ วัฒนาวงศ์ กรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา กล่าวว่า "มูลนิธิมั่นพัฒนา ในฐานะผู้บริหารจัดการเครือข่าย ตระหนักดีว่าการขับเคลื่อนโครงการโดยภาคีระดับประเทศจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีความสัมพันธ์อันดีและเน้นสร้างกระบวนการเรียนรู้ในแต่ละภูมิภาคและ จ.สุโขทัย ก็มีเจตนารมณ์เดียวกันจึงนำมาสู่การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะทำโครงการดีๆ ร่วมกันต่อจากนี้ไปและในอนาคต อันจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทยและประเทศไทยเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีภาคีเข้าร่วมเครือข่ายอนาคตไทยแล้วทั้งสิ้น 109 องค์กร โดยมี จ.สุโขทัย เป็นภาคีล่าสุด"
ด้าน นายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า "นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจนภาคประชาคมรวม 36 องค์กรให้การสนับสนุนและมองเห็นความสำคัญ ส่วนตัวเชื่อว่าทุกองค์กรพร้อมขับเคลื่อนการรณรงค์ในมิติต่างๆ เพื่อสร้างสำนึก สร้างทัศนคติซึ่งเป็นพื้นฐานให้เกิดพฤติกรรมที่ดีร่วมกัน ทั้งนี้ จ.สุโขทัย พร้อมเป็นตัวอย่างและต้นแบบในการขยายผลให้จังหวัดอื่นๆ ในเขตภูมิภาคใกล้เคียง โดยจะเริ่มต้นรณรงค์ "อย่าให้ใครว่าคนสุโขทัย ไร้วินัย" ภายในจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักและร่วมกันรณรงค์ ไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนั้น ภาคีเครือข่ายทั้งหมดจะมีกิจกรรมในแต่ละมิติที่สอดคล้องกับพันธกิจหลักองค์กรตนเองต่อเนื่องต่อไป และคาดว่าจากนี้ไปอีก 3 ปี จะมีกิจกรรมต่างๆ ออกมาให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม"
ท้ายสุด นางพรพรรณ ดิลกวัฒนา ประธานชมรมคนรักในหลวง จ.สุโขทัย องค์กรแกนนำผู้ขับเคลื่อนโครงการ "อย่าให้ใครว่าไทย" ใน จ.สุโขทัย กล่าวว่า "ชมรมคนรักในหลวงได้รับมอบหมายจากทางท่านผู้ว่าฯ ให้เป็นแกนนำเชิญชวนภาคีเครือข่ายภายใน จ.สุโขทัย เข้าร่วมและวางแผน Roadmap ทำโครงการร่วมกัน โดยมีเวทีเสวนาและเวิร์กช็อป "คิดดี มี...ตังค์" เป็นกิจกรรม Kick off ในเรื่อง "วินัยทางการเงิน" กับเยาวชนในจังหวัด ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าศักยภาพและความพร้อมของจังหวัด จะสามารถสร้างพลังในการขับเคลื่อนและขยายผลออกไปในวงกว้าง"
สำหรับ 36 องค์กรเครือข่ายอนาคตไทย จ.สุโขทัย ประกอบด้วย สำนักงานจังหวัดสุโขทัย, ชมรมคนรักในหลวง จ.สุโขทัย, เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี, สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสุโขทัย, ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุโขทัย, กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองบัญชาการช่วยรบที่ 3, สถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสุโขทัย (ฝ่ายทหาร), เทศบาลตำบลเมืองเก่า, หอการค้าจังหวัดสุโขทัย, อุตสาหกรรมจังหวัดสุโขทัย, สมาคมพ่อค้าจังหวัดสุโขทัย, ตำรวจสันติบาลจังหวัดสุโขทัย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย, ชมรมธนาคารจังหวัดสุโขทัย, สภาวัฒนธรรมจังหวัดสุโขทัย และสมาคมสื่อสารมวลชนสุโขทัย ฯลฯ ซึ่งองค์กรเครือข่ายทั้งหมดจะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit