พม. จัดวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี ๒๕๕๘ และการประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๔

          วันนี้ (๒๑ ต.ค. ๕๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จ เป็นองค์ประธานเปิดงาน "วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี ๒๕๕๘" และการประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๔ หัวข้อเรื่อง "ทิศทางการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมในสังคมไทย" พร้อมประทานโล่ประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่น จำนวน ๒๕๗ ราย และองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น จำนวน ๑๘ องค์การ โดยมี พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ และคณะผู้บริหารกระทรวงฯ เฝ้ารับเสด็จ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้า และการประชุม อิมแพคเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
          พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงมี ต่อปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงประกอบแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลประชาชนผู้เดือดร้อนทุกข์ยาก โดยมิได้ทรงเห็น แก่ความเหนื่อยยาก รัฐบาลจึงกำหนดให้วันที่ ๒๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนี เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ซึ่งในปีนี้ตรงกับโอกาสครบ ๑๑๕ ปี วันคล้าย วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเป็นแบบอย่างแก่อาสาสมัคร และองค์การที่ทำกิจกรรมทางสังคมของประเทศไทย คณะกรรมการจัดงานจึงจัดพิธีประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่น และองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่นแห่งชาติขึ้น โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ร่วมกับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รับผิดชอบดำเนินการจัดงานดังกล่าว 
          พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อว่า เนื่องในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสา สมัครไทย ประจำปี ๒๕๕๘ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงจัดให้มีการประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๔ ในหัวข้อเรื่อง "ทิศทางการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมในสังคมไทย" ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง และความเดือดร้อนทั้งหลายของประชาชน รัฐบาลจึงมีนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ ซึ่งในการดำเนินงานให้บรรลุตามนโยบายดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม โดยเน้นการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย เพื่อก่อให้เกิดสังคมสวัสดิการและสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับประชาชนทุกคน ดังนั้น การส่งเสริมให้คนไทยมีจิตอาสาและเข้ามาร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในรูปของการเป็นอาสาสมัครประเภทต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นอาสาสมัครในส่วนของภาครัฐบาล องค์การเอกชน และองค์การธุรกิจ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่รัฐบาลจะต้องให้การส่งเสริมสนับสนุนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์ ปกป้อง และคุ้มครองกลุ่มเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาสังคมในรูปแบบต่างๆ
          ทั้งนี้ "ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ วันอาสาสมัครไทย และการประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ในปี ๒๕๕๘ นี้ จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของวงการสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัครไทย ซึ่งเราทุกคนในที่นี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานและขยายผลให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในสังคมต่อไป" พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย