ปตท.-จังหวัดปทุมธานี ร่วมซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำปี 2558

          วันนี้ (ท่อส่งก๊าซธรรมชาติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ตุลาคม ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ558) นายยุทธนา วิญญูพงศ์พันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี หน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในกิจกรรม "การฝึกซ้อมแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จังหวัดปทุมธานี ประจำปี ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ558" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ558 ณ ศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อเขต 9 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อบูรณาการการป้องกัน การระงับเหตุ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉินและอัคคีภัย
          ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวถึงนโยบายว่า ก๊าซธรรมชาตินับเป็นพลังงานหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง จึงจำเป็นต้องมีการขนส่งผ่านทางท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังภูมิภาคต่างๆ เนื่องจากเป็นวิธีที่มีความสะดวกและความปลอดภัยสูง สามารถบริหารจัดการผ่านระบบควบคุมอัตโนมัติ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ4 ชั่วโมง โดย ปตท. ได้ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อเขต 9 จ.ปทุมธานี ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการจัดส่งก๊าซฯ รองรับการให้บริการแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ สายงานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ปตท. ได้กำหนดให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติการต้องมีการซ้อมแผนระงับเหตุฉุกเฉินเป็นประจำอย่างน้อยปีละ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ครั้ง เพื่อให้พนักงานได้ฝึกซ้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ทั้งในระดับสำนักงาน ระดับพื้นที่ และระดับจังหวัด ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด (ระดับ จังหวัดปทุมธานี) สำหรับปีนี้ได้กำหนดให้พื้นที่จังหวัดปทุมธานีได้มีการฝึกซ้อมแผนรองรับเหตุฉุกเฉินและและระงับอัคคีภัยระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติระดับจังหวัด โดยจะมีการประสานความร่วมมือหน่วยงานในจังหวัด และบูรณาการแผนรองรับเหตุฉุกเฉินของ ปตท. รวมถึงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดให้สอดรับและเกิดความคล่องตัวในการประสานงานต่อไป
          รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า การฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในจังหวัด และชุมชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นความร่วมมือในการปกป้องและดูแลประชาชน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานได้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเพื่อระงับเหตุอย่างถูกต้อง สถานประกอบการได้ทดสอบระบบอุปกรณ์และการปฏิบัติงาน ทั้งยังช่วยให้ชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันมิให้เกิดเหตุ และสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงสถานประกอบการอีกด้วย