บล.แอพเพิล เวลธ์ ชี้ความผันผวนตลาดยังสูง จากค่าเงินหยวนอ่อนค่าและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

12 Jan 2016
บล.แอพเพิล เวลธ์ ชี้ความผันผวนตลาดยังสูง จากค่าเงินหยวนอ่อนค่าและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว แนะทยอยเก็บหุ้นกลุ่มสายการบิน-ทองเที่ยว-รับเหมา-ค้าปลีก เข้าพอร์ต เตือนปัจจัยเสียงเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ราคาน้ำมันโลก กดดันตลอดทาง!

บล.แอพเพิล เวลธ์ มองแนวโน้ม SET เดือนม.ค.59 ยังคงผันผวน จากทิศทางค่าเงินหยวนอ่อนค่าและการชะลอตัวเศรษฐกิจจีน รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ-ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง กดดันบรรยากาศการลงทุนตลอดทาง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยว , รับเหมาก่อสร้าง , ค้าปลีก ชู AOT- AAV-BA-CENTEL-ERW-CK-STEC-BIGC-ROBINS-HMPRO

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม 2559 ยังคงถูกกดดันจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า สำหรับผลกระทบจาก January Effects ช่วงปี 5 หลังมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 60 % ในส่วนผลกระทบจากแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ ประเมินจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากต้นทุนการถือครองเฉลี่ยในปี 2555 อยู่ที่ระดับ 1,320 จุด ซึ่งสูงกว่าระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบัน

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.นี้ คาดอยู่ที่ระดับ 1,200 – 1,300 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนการบริโภคให้ฟื้นตัว การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนเอกชนที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องจับตามองยังคงเป็นเรื่อง ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐและราคาน้ำมันตลาดโลก ส่วนกรอบเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,173 – 1,428 จุดอิง EPS ตลาดปี 2559 ที่ 102 บาท และ Forward P/E 11.50 – 14.00 เท่า (อ้างอิงฐานข้อมูลBloomberg) อย่างไรก็ตามผลประกอบการตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงถูกปรับลดจากทิศทางราคาน้ำมันที่อาจจะส่งผลกระทบด้านลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น้ำหนักการลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 15% ของตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ แนะนำทยอยซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มสายการบิน และท่องเที่ยว เช่น AOT, AAV, BA, CENTEL, ERW ที่คาดจะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ปีนี้คาดจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 32 ล้านคน และจะสร้างรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, กลุ่มค้าปลีกที่ได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี เช่น BIGC, ROBINS, HMPRO และกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น เช่น BCP, IRPC, TOP ได้รับประโยชน์ค่าการกลั่นทรงตัวในระดับสูง