แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้ากรมชลประทานเตรียมเสนอ 2 โครงการเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ทำการเกษตรในภาคอีสาน และ ในเขื่อนภูมิพล ต่อนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเร่งด่วน ภายใต้ 2 โครงการ คือ 1.เติมน้ำเขื่อนภูมิพล เพื่อเพิ่มน้ำในเขื่อนประมาณ 2,000 ล้านลบ.ม. และ 2. โครงการโขง เลย ชี มูล เพื่อเพิ่มน้ำเข้ามาใช้ในภาคอีสานประมาณ 40,000 ล้าน ลบ.ม. โดยโครงการโขง เลย ชี มูล เป็นโครงการเก่าที่ศึกษามานานแล้ว
ทั้งนี้หลังจากเมินปริมาณจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การขยายของชุมชนเมือง หากไทยไม่สามารถจัดหาแหล่งน้ำกินน้ำใช้ได้เพิ่ม อีก 10 ปีข้างหน้าไทยจะมีปัญหาการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้แน่นอน ซึ่งจากการตั้งสมมุติฐานปริมาณน้ำฝนความต้องการใช้ และความสามารถในการเก็บกักในปัจจุบันและอนาคต พบว่า ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพยากรน้ำก็จริง แต่ไม่สามารถจัดเก็บได้ โดยในปี 2557 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 285,230 ล้านลบ.ม. จากปริมาณความต้องการใช้น้ำทั้งการอุปโภคบริโภค ระบบนิเวศ อุตสาหกรรมและภาคเกษตร รวมประมาณ 151,750ล้านลบ.ม. ซึ่งระบบชลประทานที่เก็บกักไว้สามารถจัดสรรได้ 102,140 ล้านลบ.ม. และมีความต้องการน้ำที่รัฐบาลไม่สามารถจัดหาให้ได้อีก49,610 ล้านลบ.ม.
ขณะที่การคาดการณ์ในปี 2570 ในปริมาณน้ำฝนที่เท่ากับปี2557 พบว่า ความต้องการน้ำใช้น้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 156,820ล้านลบ.ม. มีความต้องการที่จัดการได้ 111,620 ล้านลบ.ม. และมีความต้องการน้ำที่รัฐบาลไม่สามารถจัดหาให้ได้อีก 45,200 ล้านลบ.ม.
สำหรับโครงการเติมน้ำเขื่อนภูมิพล และ โครงการโขง เลย ชี มูล เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ นายกฯได้สั่งการมายังกรมชลปีระทานให้เร่งทำยุทธศาสตร์2 โครงการนี้ ให้เกิดขึ้นได้ภายในรัฐบาลนี้ หรือเป็นโครงการปีงบประมาณ 2558-2559 ซึ่งเป็นโครงการเพิ่มเติมจากโครงการปกติ ที่รัฐบาลให้งบประมาณและดำเนินการไปแล้วในปี 2558 คืองบปกติประมาณ 3หมื่นล้านบาทเป็นงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2.8 หมื่นล้านบาท และงบประมาณปี 2559กำหนดไว้อีกประมาณ 3 หมื่นล้าน หรือ 2ปีกำหนดงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการน้ำแล้วประมาณ 1 แสนกว่าล้านบาท
สำหรับ 2 โครงการจะเป็นโครงการที่ใช้ระบบการผันน้ำตามแรงโน้มถ่วงของโลกในภาคเหนือและภาคอีสาน มาเก็บไว้ในระบบท่อ และมีการหมุนเวียนเหมือนระบบโลหิต โดยโครงการโขง เลย ชี มูล จะมีการสูบน้ำจากจังหวัดเลยเข้ามาใช้ในภาคอีกสานผ่านท่อขนาดใหญ่ 2 ขนาด คือกว้าง10 ม. ยาว 50 กม.จำนวน 1 ท่อ และ ท่อกว้าง 10 ม.ยาว 80 กม.จำนวน 1 ท่อ โดยในปี 2558-2559จะดำเนินการในเฟสแรกก่อนมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท
หากทำเสร็จจะทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานในภาคอีกสานได้อีกประมาณ 30 ล้านไร่ มีน้ำเพียงพอ พัฒนาอุตสาหกรรม การบริการ การท่องเที่ยว และสร้างงานได้ คนอีสานจะไม่เข้ามาในเมืองหลวงแน่นอน โดยการดำเนินการจะไม่ใช้น้ำนานาชาติ แต่จะใช้น้ำในประเทศไทย เพราะในแต่ละปีน้ำในประเทศไทยมีจำนวนมหาศาล แต่ไทยไม่สามารถเก็บเข้าเขื่อน หรือเก็บในอ่างได้ จำเป็นต้องทำระบบบริหารจัดการเพื่อเก็บน้ำในอ่าง
ขณะที่ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพ.ศ.2558-2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบเมื่อ7 พ.ค.2558 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ตามลำดับความสำคัญ คือ
1. การจัดการน้ำเพื่ออุปโภค
2.การสร้างความมั่นคงน้ำภาคการผลิต(เกษตร/อุตสาหกรรม)
3.การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย
4.การจัดการคุณภาพน้ำ
5.การอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป้องกันการพังทลายของดิน
6.การบริหารจัดการ
โดยยุทธศาสตร์น้ำเพื่อการอุปโภค ในปี 2560 ประเทศไทยต้องมีกินน้ำใช้ที่สะอาดให้ทุกหมู่บ้านโดยเป็น การจัดการน้ำเพื่ออุปโภค จะมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อผู้บริโภคให้แก่ชุมชน หมู่บ้าน รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เริ่มจากพื้นที่วิกฤต เช่น ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำปิง ซึ่งมีการขยายขุมชนเมืองจำนวนมาก โดยจะจัดหาประปาเพื่อเติมให้ 9,535 หมู่บ้านทั่วประเทศไทย ภายในปี 2560 เนื่องจากขณะนี้ ประมาณ 10% ของหมู่บ้านทั้งหมดในประเทศไทยยังเข้าไม่ถึงแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
สิ่งสำคัญคือกรมชลประทานต้องเร่งหาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการบริโภคอุปโภคและสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งเพื่อเริ่มดำเนินการโครงการ คือ การสร้างความมั่นคงน้ำภาคการผลิต(เกษตร/อุตสาหกรรม) แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ส่วนดังนี้คือ
1.การพัฒนาพื้นที่เกษตรชลประทานปัจจุบัน30.22 ล้านไร่ อยู่ในการดูแลของกรมชลประทานประมาณ25 ล้านไร่ ยุทธศาสตร์ในเรื่องนี้จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการเดิม เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำ คาดหวังว่าจะได้น้ำต้นทุกเพิ่มขึ้น 250 ล้านลบ.ม.นอกจากนี้ต้องรณรงค์เพื่อการประหยัดน้ำ ทำให้มีการสูญเสียนำให้น้อยลง
2. พัฒนาพื้นที่มีศักยภาพชลประทานเพิ่มเติม18.8 ล้านไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน ในส่วนนี้จะเป็นการเปลี่ยนโฉมเกษตรน้ำฝนเป็นเกษตรชลประทานให้ได้ ซึ่งต้องมีการผันน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ก็จำเป็นต้องทำ อาทิ โครงการโขง เลย ชี มูล เพื่อเพิ่มน้ำเข้ามาใช้ในภาคอีสานประมาณ 40,000ล้าน ลบ.ม. มีมูลค่าโครงการ2.2 ล้านล้านบาท อายุโครงการ 20 ปี
3. พัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน100 ล้านไร่ โดยการเร่ง ขุดสระ สระในไร่นา ผันน้ำ น้ำบาดาล ในกลุ่มนี้จะเป็นการหาแหล่งน้ำเป็นโครงการเล็กๆ ไม่ต้องลงทุนมาก