ท้องผูก ทำให้หงุดหงิด-โมโหง่าย-มีกลิ่นปาก

          สาวๆ ระวัง! อย่าปล่อยให้ท้องผูก ทำให้หงุดหงิด-โมโหง่าย-มีกลิ่นปาก

          สาวๆ พึงระวัง อย่าปล่อยให้ "ท้องผูก" เพราะไม่เพียงแต่สร้างความอึดอัดไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สุขภาพเสื่อมโทรม และเป็นต้นเหตุของโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย

          เคยสงสัยหรือไม่ว่า ในวันหนึ่งๆ เรารับประทานอาหารเข้าไปมากมาย อาหารเหล่านี้ไปสะสมอยู่ไหน ข้อมูลจาก ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล ระบุว่า ปกติคนเราควรจะขับถ่ายอุจจาระทุกวัน เพื่อเอากากอาหารและของเสียออกไป ไม่ให้คั่งค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จะทำให้รู้สึกสบาย แต่หากระบบขับถ่ายอุจจาระเรามีปัญหา บางคนหลาย วันแล้วยังไม่ถ่ายก็มักมีอาการท้องอืด หรือแน่นท้องและเกิดภาวะท้องผูก ซึ่งจะทำให้มีกากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันนั้น ค้างสะสมอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน ร่างกายก็จะดูดซึมน้ำจากกากอาหารมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในอุจจาระเหลือน้อย แข็งและถ่ายลำบาก
          "การที่ร่างกายเราต้องหมักหมมเอาสารพิษและของเสียไว้ในลำไส้นานๆ นอกจากจะส่งผลทางด้านจิตใจ ทำให้สาวๆ ขาดความมั่นใจ อึดอัดไม่สบายตัวไม่สบายท้อง กลายเป็นคนหงุดหงิด โมโหง่าย และมีกลิ่นปากแล้ว หากปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคริดสีดวงทวาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ดังนั้นในรายที่มีอาการท้องผูกรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นเลือด ท้องผูกสลับกับท้องร่วง หรือมีไข้และอาเจียนร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์" ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ กล่าวและเสริมว่า
          ท้องผูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานอาหารที่มีใยอาหารหรือไฟเบอร์น้อย เพราะจะทำให้แรงกระตุ้นที่ทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวน้อยลง จึงเกิดอุจจาระคั่งค้างในลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ในผู้ที่รับประทานอาหารจำพวกแป้งและไขมันมากเกินไป รวมทั้งการดื่มน้ำน้อย มีภาวะเครียด ก็มีส่วนทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้เช่นกัน และบางรายอาจท้องผูกจากการดื่มนม หรือรับประทานแคลเซียมในปริมาณมาก รวมถึงผู้สูงอายุ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการหย่อนสมรรถภาพของกล้ามเนื้อหูรูดต่างๆ ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะขับถ่ายถดถอย
          ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก เราควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว รับประทานผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น คะน้า มะละกอ ส้ม พรุน และผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก ควรกินผักผลไม้ให้ได้ 4-5 ส่วนต่อวัน ประมาณ 5 ทัพพี หรือดื่มน้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เช่น น้ำมะขาม หรือน้ำพรุนสกัดเข้มข้น ก็สามารถช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นได้ โดยเฉพาะพรุนนั้นเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากเป็นพิเศษ และจัดว่าเป็นอาหารฟังก์ชั่น ที่ให้วิตามิน เกลือแร่และอุดมด้วยใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำค่อนข้างสูง ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารและมีฤทธิ์ในการระบาย รวมทั้งช่วยบำบัดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี ดังนั้น พรุนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการช่วยบำบัดอาการท้องผูกเรื้อรัง นอกจากนี้พรุนยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของระบบย่อยและควบคุมระบบขับถ่าย จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และริดสีดวงทวารได้ นอกจากนี้พรุนยังอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ได้แก่ กรดนีโอโคลโรเจ็นนิค (Neochlorogenic acid) และ กรดโคลโรเจ็นนิค (Chlorogenic acid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูง ล่าสุดนักวิจัยยังค้นพบสาร Cryptochlorogenic acid ในพรุนค่อนข้างสูง ซึ่งสารนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและวิตามินอีอีกด้วย จากงานวิจัยของ Tufts University in Boston จัดให้พรุนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงเป็นอันดับ ชมรมโภชนวิทยามหิดล ซึ่งวัดจากค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbency Capacity) โดยที่ค่า ORAC ของพรุน (5,77อย่าปล่อยให้ท้องผูก หน่วย/ ชมรมโภชนวิทยามหิดลอย่าปล่อยให้ท้องผูกอย่าปล่อยให้ท้องผูก กรัม) สูงเป็น เอกราช บำรุงพืชน์ เท่าของผลไม้ที่มีค่า ORAC สูงอันดับต้นๆ อย่าง เช่น บลูเบอรี่และลูกเกด นอกจากนี้ค่า ORAC ของพรุนยังสูงกว่าพลัมสดเป็นอย่างมากอีกด้วย
          ทั้งนี้ เราควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีใยอาหารน้อย เช่น เนื้อวัว ไอศครีม ชีส หรือเนยแข็ง และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และฝึกหัดนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน เข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดถ่าย ไม่ควรรอหรือทนอั้นไว้เพราะยิ่งรอไว้นาน ยิ่งเพิ่มอาการท้องผูก และพยายามทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดอยู่กับปัญหา หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย หรือการสวนทวารติดต่อกันนานๆ เพราะไม่ใช่วิธีการรักษาให้หายขาด แต่ในรายที่มีอาการท้องผูกรุนแรงที่อาจต้องใช้ยาระบายช่วย ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาระบายนั้น เพราะหากมีการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ตกเป็นทาสยาถ่าย หรือเกิดปัญหาอื่นตามมาได้

 
 

ข่าวอย่าปล่อยให้ท้องผูก+ชมรมโภชนวิทยามหิดลวันนี้

ท้องผูก ทำให้หงุดหงิด-โมโหง่าย-มีกลิ่นปาก

สาวๆ ระวัง! อย่าปล่อยให้ท้องผูก ทำให้หงุดหงิด-โมโหง่าย-มีกลิ่นปาก สาวๆ พึงระวัง อย่าปล่อยให้ "ท้องผูก" เพราะไม่เพียงแต่สร้างความอึดอัดไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สุขภาพเสื่อมโทรม และเป็นต้นเหตุของโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย เคยสงสัยหรือไม่ว่า ในวันหนึ่งๆ เรารับประทานอาหารเข้าไปมากมาย อาหารเหล่านี้ไปสะสมอยู่ไหน ข้อมูลจาก ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล ระบุว่า ปกติคนเราควรจะขับถ่ายอุจจาระทุกวัน เพื่อเอากากอาหารและของเสียออกไป ไม่ให้คั่งค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จะทำ

ชมรมโภชนวิทยามหิดล ร่วมกับ มูลนิธิคุณแม่ค... ชมรมโภชนวิทยาฯ จัดอบรมสัมมนาฯ — ชมรมโภชนวิทยามหิดล ร่วมกับ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ จะจัดอบรมสัมมนาที่นำไปใช้ได้จริงในหัวข้อ "การส่งเสริมสุขภาพ...

รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี (ที่ 4 จากขวา) ผู้... ภาพข่าว: ประชุมวิชาการเรื่อง “แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพและชะลอวัยแบบบูรณาการ” — รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี (ที่ 4 จากขวา) ผู้ทรงคุณวุฒิ สนง.คณะกรรมการวิจัยแห่...

ภก.รศ.ดร.จักรพันธ์ ศิริธัญญาลักษณ์ (ที่ 3... ภาพข่าว: ประชุมวิชาการเรื่อง “การใช้ยาและการส่งเสริมสุขภาพในผู้สูงวัย” — ภก.รศ.ดร.จักรพันธ์ ศิริธัญญาลักษณ์ (ที่ 3 จากขวา) คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลั...

นางนงลักษณ์ ศรีแสง รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒน... ภาพข่าว: ประชุมวิชาการ “เคล็ดลับส่งเสริมสุขภาพสมอง ต้านโรค ชะลอวัย” — นางนงลักษณ์ ศรีแสง รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานักศึกษา เป็นประธานในงานเปิดประชุมวิชาการเ...

อาจารย์ ดาราพร คงจา ( คนกลาง ) นายกสมาคมศ... ภาพข่าว: ประชุมวิชาการ “แนวทางการดูแลและเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม” — อาจารย์ ดาราพร คงจา ( คนกลาง ) นายกสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเป...

ศ.นพ.วีระชัย โควสุวรรณ (ที่ 3 จากขวา) รอง... ภาพข่าว: ประชุมวิชาการ “แนวทางการส่งเสริมและดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ” — ศ.นพ.วีระชัย โควสุวรรณ (ที่ 3 จากขวา) รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหา...

จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพต่างๆ แสดง... “คามูคามู” ผลไม้ให้วิตามินซีสูง มีดีต่อผิว — จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพต่างๆ แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผักและผลไม้ นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของสารอ...