มร.ทากาโยชิ มิกิ ผู้จัดการใหญ่ และนายบัณฑิต ศรีวัลลภานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด นำทีมผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ และสื่อมวลชนร่วมกันปลูกต้นไม้จำนวน 320 ต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมภายใต้แคมเปญรณรงค์การใช้เครื่องปรับอากาศไดกิ้นอาร์ 32 รักษ์โลก และยังเป็นกิจกรรมภายใต้นโยบายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขององค์กร จากผลการวิจัยพบว่าการปล่อยสารซีเอฟซี หรือ คลอโรฟลูโอคาร์บอน สู่ชั้นบรรยากาศของโลก เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายโอโซน และหากไม่มีการยับยั้งการปล่อยสารดังกล่าวจะส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตพืช สัตว์และมนุษย์
ซีเอฟซีเป็นสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประกอบด้วยคาร์บอน คลอรีนและฟลูออไรด์ ซึ่งถูกนำเป็นส่วนประกอบของสารทำความเย็นของเครื่องทำความเย็นหรือเครื่องปรับอากาศ อาร์32 (R32) เป็นสารทำความเย็นใหม่ที่ไม่ทำอันตรายต่อโอโซนและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่าสารทำความเย็นปัจจุบันถึง 3 เท่า ซึ่งไดกิ้นในฐานะผู้นำในการใช้สารทำความเย็น อาร์32 เป็นรายแรกในประเทศไทย ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัยในกลุ่มไดกิ้นอาร์32 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีรุ่นอูรุซาระ 7 (Urusara7) เป็นรุ่นแฟลกชิพ
“ภารกิจของเราในวันนี้ คือ การปลูกต้นไม้จำนวน 320 ต้นในสวนป่าเกดน้อมเกล้า เพื่อแสดงถึงพลังความรักความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและยืนยันถึงความมุ่งมั่นของไดกิ้นในการพิทักษ์โลกของเรา” นายบัณฑิต กล่าว
“ไดกิ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายแรกในประเทศไทยที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ใช้สารทำความเย็นอาร์ 32 สู่ตลาด เราเชื่อว่าในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านเครื่องปรับอากาศ เรามีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะต้องนำผู้ผลิตรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมให้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
มูลนิธิ แพล้นท์ อะ ทรี ทูเดย์ หรือ มูลนิธิปลูกต้นไม้วันนี้ เริ่มจดทะเบียนในสหราชอาณาจักรและได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิที่ดำเนินการในประเทศไทย โดยปัจจุบัน ดำเนินการในภูมิภาคเอเชียเป็นส่วนใหญ่ มูลนิธิก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและจัดการโครงการฟื้นฟูผืนป่าขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้กับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และปัญหาโลกร้อน
นางสาวสุดารัตน์ ซางคำ เจ้าหน้าที่บริหารโครงการ มูลนิธิ แพล้นท์ อะ ทรี ทูเดย์ (แพท) กล่าวว่า “มูลนิธิมีวัตถุประสงค์ในการฟื้นฟูและคงสภาพผืนป่าแบบยั่งยืน ปัจจุบันมูลนิธิสามารถปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มผืนป่าได้แล้วประมาณ 9 แสนต้น เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านต้นภายในปีหน้าซึ่งเป็นปีที่มูลนิธิจะครบรอบ 10 ปี ในวันนี้ เราได้รับการสนับสนุนจากไดกิ้นที่เข้ามาช่วยให้ภารกิจในการปลูกต้นไม้ของเราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น”
“มูลนิธิ ไม่เพียงรณรงค์ให้คนหันมาปลูกต้นไม้แต่ยังดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกต่อไปให้อีก 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับการฟื้นฟูผืนป่า” นางสาวสุดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติม
ต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณสวนป่าเกดน้อมเกล้าในวันนี้ ได้แก่ ต้นคลัก หรือพังกาหัวสุมซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ป่าชายเลน มีความเหมาะสมกับสภาพผืนดินและแหล่งน้ำในบริเวณนี้ เป็นไม้ไม่ผลัดใบ สูงถึง 10-20 เมตร เมื่อโตเต็มที่ฝักจะร่วงลงดินและนำไปปักลงดินก็จะแพร่พันธุ์ต่อไปได้อีก โดยชุมชนจะเก็บเมล็ดมาเพาะเพื่อเป็นแหล่งพันธุ์แม่ไม้ต่อไป
ในส่วนของไดกิ้น ยังมีภารกิจในการสร้างความรู้ความเข้าใจและแนะนำผู้บริโภคให้เข้าใจถึงการใช้เครื่องปรับอากาศที่ใช้สารทำความเย็นที่มีส่วนประกอบของสารทำลายสิ่งแวดล้อม
นายบัณฑิต กล่าวว่า “เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่องมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 15 ปี ซึ่งยาวนานมากที่จะปล่อยก๊าซซึ่งเป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศของโลก และทำให้ชั้นโอโซนที่ช่วยปกป้องบรรยากาศของโลกลดน้อยถอยลงไปในแต่ละระดับ การใช้เครื่องปรับอากาศที่ใช้สารทำความเย็นอาร์ 32 จะไม่ทำลายชั้นโอโซน และก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับการใช้สารทำความเย็นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาการทำลายโอโซนและภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่นับเป็นปัญหารุนแรง ก่อให้เกิดอันตรายและเรากำลังรณรงค์เรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
“การริเริ่มกิจกรรมเพื่อสนับสนุนมูลนิธิแพท เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 800-1,000 กิโลกรัมตลอดอายุของต้นไม้ และระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวเนื่องอย่างชัดเจนกับภาวะโลกร้อน ถ้ามีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศสูงถึงหลักพันล้านตัน โลกจะร้อนขึ้น 2-5 องศา ในระยะเวลา 10 ปี การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดอุณหภูมิของโลก ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องการต้นไม้จำนวนมหาศาลมาช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อลดอุณหภูมิของโลก” นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิตยังกล่าวถึงการตอบรับของตลาดต่อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศไดกิ้นอาร์ 32 ว่า “เราทำยอดขายได้ที่ 6,874 เครื่อง นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมีนาคมและเริ่มวางจำหน่ายในเดือนเมษายน เราตั้งเป้าหมายในการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศในกลุ่มอาร์ 32 ไว้ที่ 100,000 เครื่อง ภายใน 1 ปี นับจากวางจำหน่ายครั้งแรก โดยสองรุ่นหลักของเราที่เพิ่งเปิดตัวไปในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมาได้แก่ อาร์32 อินเวอร์เตอร์สไมล์ และ อาร์32 สแมช และภายในสิ้นปีนี้ เราจะเปิดตัวรุ่น Ekira (เอกิระ) ที่ได้รับรางวัลจากสถาบันการออกแบบมากมาย ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบเครื่องปรับอากาศดีไซน์หรูสไตล์ยุโรป ช่วยส่งเสริมความสวยงามให้กับบ้าน”
นายบันฑิตกล่าวเพิ่มเติมถึงความมั่นใจในการบรรลุเป้าหมายด้วยกลยุทธ์การตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยขณะนี้ ไดกิ้น จัดโปรโมชั่น “Daikin R32 Real Love” สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องปรับอากาศ ไดกิ้นอินเวอร์เตอร์รุ่นที่ใช้สารทำความเย็น อาร์ 32 (R32) ได้แก่ ไดกิ้นอินเวอร์เตอร์ อาร์ 32 สมาร์ท (Daikin Inverter R32 Smart) และไดกิ้นอินเวอร์เตอร์ อาร์ 32 สไมล์ (Daikin Inverter R32 Smile) ขนาด BTU ใดก็ได้ รับฟรี! บัตรสมาชิก 7-Card พร้อมเงินในบัตรมูลค่าถึง 1,032 บาท เพื่อซื้อสินค้าในเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน ศกนี้
“ในแง่ของตัวแทนจำหน่าย ไดกิ้นยังจัดการอบรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของสารทำความเย็นอาร์ 32 ที่มีต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถส่งต่อข้อมูลนี้ให้กับผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง อาทิ เครื่องปรับอากาศที่ใช้สารทำความเย็นอาร์ 32 จะให้ความเย็นเร็วกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปในปัจจุบันที่ใช้น้ำยาอาร์ 22 ถึง 160 เปอร์เซ็นต์และยังช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า” นายบัณฑิต กล่าวเสริม
“จากผลการทดสอบเครื่องปรับอากาศฉลากประหยัดไฟเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2557 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พบว่าในบรรดาเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพการประหยัดไฟมากที่สุด 6 อันดับแรกเป็นเครื่องปรับอากาศของไดกิ้นทั้งหมดและในกลุ่มนี้เป็นเครื่องปรับอากาศไดกิ้นที่ใช้สารทำความเย็นอาร์ 32 ถึง 5 รุ่น”
“สำหรับในปี 2557 ไดกิ้นได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตรวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 235,000 เครื่อง ณ วันนี้ เราทำยอดขายได้เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของยอดเป้าหมายแล้ว เรามั่นใจว่าไดกิ้นอินเวอร์เตอร์อาร์ 32 สองรุ่นหลักที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาทั้งรุ่นอาร์32 อินเวอร์เตอร์สไมล์ อาร์32 สแมช และรุ่นเอกิระที่กำลังจะเปิดตัวปลายปีนี้จะสามารถผลักดันยอดขายให้บรรลุเป้าหมายรวมของปีนี้ได้อย่างแน่นอน" นายบัณฑิต กล่าวในตอนท้าย
มูลค่าตลาดรวมเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 31,500 ล้านบาทโดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องปรับอากาศประเทศไทยจะเติบโตขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ไดกิ้นหวังครอบครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 23 เปอร์เซ็นต์หรือเกือบ 7,500 ล้านบาท
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่นเป็นคุณค่าหลักที่ไดกิ้นยึดถือ ไดกิ้นได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (ISO 14001:2004) ทั้งยังจัดตั้งคณะกรรมการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ รวมถึงกิจกรรมการปลูกต้นไม้ในวันนี้เช่นกัน และไดกิ้นยังคงมีแผนดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit