ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) ได้แนะนำให้นักลงทุน “เพิ่มพอร์ตการลงทุน” ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากการที่ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงราว 7% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และอยู่ในระดับอ่อนค่าสุดนับจากปี 2008 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทญี่ปุ่น ที่ผลิตและส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลกเป็นหลัก นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นอีก 2 ประการคือ นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในช่วงเดือนตุลาคม และ กองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่น (GPIF) จะประกาศการจัดสัดส่วนการลงทุนใหม่ โดยจะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นทั้งในและนอกประเทศ และตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในประเทศ และกดดันให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังเป็นตลาดที่ถูกที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยดัชนี NIKKEI ซื้อขายที่ price-to-book ratio 1.4 เท่า เทียบกับยุโรปที่ 1.6 เท่า และสหรัฐฯ ที่ 2.4 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูก ทิสโก้ เวลธ์ จึงมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อีกมาก และเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจในขณะนี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด(Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า จากความโดดเด่นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นดังกล่าว ที่ยังคงมีนักลงทุนสนใจอย่างต่อเนื่อง บลจ. ทิสโก้ จึงเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #5” กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นต่อเนื่องเป็นกองที่ 5 เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน เสนอขาย 13 – 20 ต.ค.นี้ “ในช่วงสภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับฐาน ถือเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจในอันดับต้นๆ เนื่องจากภาครัฐรวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่นพร้อมที่จะอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินเยน และตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นที่คาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับราคาที่ยังถูกอยู่ เมื่อเทียบกับตลาดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มโอกาสด้านผลตอบแทนจากการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายสาห์รัช กล่าว
โดยก่อนหน้านี้ ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ญี่ปุ่นมาแล้วถึง 4 กอง และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาโดยตลอด โดยผลการดำเนินงานล่าสุด กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ กองที่ 3 และ 4 ได้ถึงเป้าหมายที่ 8% จึงสามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนด ตอกย้ำถึงความสามารถในการจับจังหวะออกกองทุนทริกเกอร์ได้อย่างแม่นยำและความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนของทิสโก้“เราประสบความสำเร็จกับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยกองที่ 4 ถึงเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนกว่าเท่านั้น จึงเชื่อว่ากองที่ 5 นี้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนได้เช่นกัน” นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #5 (TISCO Japan Equity Trigger 8% Fund #5) จะเน้นลงทุนในหุ้นชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น โดยลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟ Nikkei 225 Exchange Traded Fund โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี Nikkei 225
กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #5 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit