บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์ม IQue by V-KOOL ฟิล์มกันร้อนสำหรับอาคารและบ้าน เดินหน้าขยายตลาดอาคารสูงที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด “อาคารสีเขียว” โดยเน้นกลยุทธ์การออกบูทแนะนำผลิตภัณฑ์แก่ผู้ใช้โดยตรง
นายกนต์ธร จตุภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันอาคารสำนักงานและอาคารที่อยู่อาศัยแนวดิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด
“แม้ว่าตลาดคอนโดมีเนียมปีนี้จะติดลบประมาณ 10% ก็ตาม แต่ดูแนวโน้มแล้ว น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปีนี้ ตลาดติดลบไปถึง 21% แสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ความต้องการได้กลับมาเพราะความเชื่อมั่นภายหลังจากที่เรามีรัฐบาลชุดใหม่ ในขณะที่ปีหน้า ตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยดูจากการประเมินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์” นายกนต์ธร กล่าว
นายกนต์ธร กล่าวว่าแม้ว่าขณะนี้คู่แข่งฟิล์มกรองแสงในตลาดมีหลายยี่ห้อ แต่ผลิตภัณฑ์ของ IQue by V-KOOL ที่มีฐานการผลิตเดียวกันกับฟิล์มกันร้อน วี-คูล จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพอย่างมาก โดยเฉพาะฟิล์มวี-คูล ถือเป็นฟิล์มที่ได้รับการยอมรับจากตลาดรถยนต์ว่าเป็นฟิล์มกันร้อนที่มีคุณภาพสูงระดับพรีเมียมเกรด โดยจุดเด่นของฟิล์ม วี-คูล และ IQue by V-KOOL นั้นคือเป็นฟิล์มใส แต่กันร้อนได้ดี โดยสามารถกันรังสีอุลตร้า ไวโอเล็ต ได้สูงถึง 100% กันรังสีอินฟราเรด ได้สูงถึง 98% ซึ่งเป็นรังสีต้นเหตุของความร้อน
“ผมอยากจะบอกว่านี่เป็นจุดขายของเราเพราะอาคารทันสมัยในปัจจุบัน จะไม่อนุญาตให้ห้องชุดแต่ละห้องติดฟิล์มทึบเพราะจะมีผลทัศนียภาพโดยรวมของอาคาร ดังนั้นฟิล์ม IQue by V-KOOL จึงเป็นฟิล์มกันร้อนที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและผู้บริหารอาคาร อีกทั้งฟิล์ม IQue by V-KOOL ยังจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟิล์มของเราจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยรณรงค์ในเรื่องอาคารสีเขียว” นายกนต์ธรกล่าว
นายกนต์ธรกล่าวว่าฟิล์ม IQue by V-KOOL เข้าสู่ตลาดประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ทำการตลาดกับผู้บริโภคโดยตรง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค โดยจะเห็นได้จากคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจะจ่ายเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา”
นายกนต์ธร กล่าวว่าบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าตลาดกลุ่มนี้ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้เพราะรัฐบาลได้เดินหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าและยังเดินหน้าในส่วนโครงการต่อขยาย และหากพิจารณาจากจำนวนสถานีที่จะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปัจจุบัน 67 สถานี มาเป็น 119 สถานีในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสถานีเหล่านี้จะเป็นสถานที่ที่บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยเล็งที่จะสร้างโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
นายกนต์ธร กล่าวว่าเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อ บริษัทฯ ได้กำหนดแผนการรุกตลาดโดยจะจัดกิจกรรมแนะนำผลิตภัณฑ์ตามห้างสรรพสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าตรง อีกทั้งจะประสานกับบริษัทพัฒนาอสังหริมทรัพย์แนะนำผลิตภัณฑ์ในงานเปิดตัว
“ล่าสุด เราได้เข้าร่วมงาน บ้านและสวนแฟร์ ที่ผ่านมา ที่เมืองทองธานี ซึ่งกิจกรรมนี้จะสะท้อนถึงการรุกตลาดของเรานับจากนี้ไป” นายกนต์ธร กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit