นายจิตวุฒิ ศศิบุตร ในฐานะนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น(เอเชีย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจประกันภัย 6 เดือนแรกของปี 2014 ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากที่ผ่านมามีปัจจัยทางด้านการเมืองที่มีผลต่อเศรษฐกิจโดยตรงทำให้อัตราการปรับตัวทางภาคเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรก ไม่เป็นไปตามเป้า จะเห็นว่าล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินตัวเลข GDP ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1.5-2.0% ซึงจะส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจประกันภัย ขณะที่ธุรกิจรถยนต์ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจประกันด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มผู้ประกอบการบริษัทรถยนต์ต่างคาดการณ์ว่ายอดขายตลาดรถยนต์ใหม่ในปีนี้จะลดลงประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา ดังนั้นคาดการณ์ว่าตลาดประกันภัยในปี 2557 นี้จะมีการปรับตัวขึ้นไม่เกิน 11% ขณะที่ปี 2556 ปรับตัวเพิ่มจากปี 2555 ที่ประมาณ 13%.
“ เมื่อประเมินจากเบี้ยประกันภัยปี 2556 ที่ผ่านมามีตัวเลขสูงถึง 644,362 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นประกันวินาศภัย 202,913 ล้านบาท และประกันชีวิตที่ 441,349 ล้านบาท จะเห็นว่าในส่วนประกันวินาศภัยมีประกันภัยรถยนต์อยู่ในสัดส่วนถึง 58% (รวมภาคสมัครใจและบังคับ) และมีการซื้อผ่านช่องทางนายหน้าประกันภัยสูงถึง 55.95% นั่นหมายถึงว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างมากต่อธุรกิจประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันภัย ทำให้มีการแข่งขันในธุรกิจมีสูงมากขึ้นเพราะบริษัทประกันภัยต้องการที่จะเสริมเบี้ยประกันภัยในถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในขณะที่จำนวนลูกค้ารถยนต์ใหม่ในตลาดไม่ได้สูงขึ้นตาม “
นายจิตวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ ผลประกอบการใน 6 เดือนแรกของ บริษัทแมกซี่ฯ สามารถทำเบี้ยประกันภัยได้ที่ 459,794,733 บาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 ที่ 13% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 554,964,350 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้ามากขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยที่ 20% ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับวางกลยุทธ์และแผนการตลาดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย อาทิ จัดตั้งแผนกขยายงานธุรกิจองค์กรและสวัสดิการกลุ่มสำหรับเจาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึง ดีลเลอร์รถยนต์ต่างๆ , นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น GAP Ins. (ประกันภัยวงเงินความเสี่ยงระหว่างทุนประกันภัยรถยนต์และราคารถใหม่หรือเงินกู้, Tuition Fees Protection (การคุ้มครองภาระค่าเล่าเรียนตลอดระยะเวลาการศึกษาหากผู้อุปการะต้องจากไปก่อนเวลาอันควร) และ NCB Protection (การให้ความคุ้มครองส่วนลดประวัติดีหากเกิดอุบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด) เป็นต้น
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เน้นนโยบายการรักษาฐานลูกค้าในการต่ออายุกรมธรรม์ให้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน มีลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทเฉลี่ยประมาณ 60-70% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายการรักษาฐานลูกค้าให้เพิ่มมากกว่า 80% ขึ้นไป ด้วยระบบการเตือนต่ออายุกรมธรรม์ให้เร็วขึ้น พร้อมทำ Direct Mail ถึงลูกค้า เพื่อให้ลูกค้านึกถึงบริษัทฯก่อนการต่ออายุกรมธรรม์ทุกครั้ง รวมไปถึงสร้างช่องทางเข้าถึงบริษัทให้ง่ายมากขึ้นโดยการขายประกันรถยนต์, อุบัติเหตุและเดินทาง ผ่านทาง Application ของ Iphone และ Android
โดยในปี 2556 แมกซี่ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 35,000 ราย มีเบี้ยประกันภัยที่ผ่านการดูแลมากกว่า 750 ล้านบาท และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีทรัพย์สินมากกว่า 10,000 ล้านบาทจำนวนหลายรายที่ให้ทาง แมกซี่ ดูแลประกันภัยทรัพย์สินให้ โดยมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยแยกเป็น ประกันภัยรถยนต์และประกันภัยอื่นๆ ในสัดส่วน 70/30 ตามลำดับ อีกทั้ง แมกซี่ ยังได้รับการแต่งตั้งจาก บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) ให้ดูแลประกันภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ทั่วประเทศ อย่างเป็นทางการ รวมถึงยังได้ดูแลประกันภัยยนตรกรรมหรูภายใต้ แบรนด์ โรลส์-รอยซ์ และ รถไฮลัคชัวรี่ส์สปอร์ตคาร์สุดหรูอย่าง แอสตัน มาร์ติน อีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนภาพรวมธุรกิจประกันนั้นยังมีอีกปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบันคือ หลังจากที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยปรับสูงขึ้น และยังคงที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มาในปี 2557 นี้ มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้นโดยอัตราเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ตปรับลดลงอย่างรวดเร็วเหมือนก่อนช่วงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เศรษฐกิจจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากมีมาตรการต่างๆที่ออกมาและมีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น