20 อันดับบริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่สุด: พฤกษาอันดับหนึ่ง หนึ่งในห้าของทั้งตลาด!

01 Aug 2014
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส แถลงว่า จากการสำรวจข้อมูลการขายในโครงการต่าง ๆ เกือบ 1,600 โครงการทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่า ซึ่งถือเป็นโครงการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยที่ต่อเนื่องและกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย พบว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ 20 อันดับแรก เรียงตามจำนวนหน่วยและมูลค่า ดังรายละเอียดต่อไปนี้

อันดับตามจำนวนหน่วย

จากจำนวนบริษัททั้งหมดประมาณ 400 บริษัท สามารถจัดเรียงตามจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้ ทั้งนี้สำหรับอับดับตามจำนวนหน่วยเป็นดังนี้

อันดับ

ชื่อบริษัท

จำนวนโครงการ

จำนวนหน่วยเปิดใหม่

สัดส่วนจากทั้งตลาด

1

บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท

32

9,116

18.30%

2

บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์

5

6,448

12.90%

3

บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) + เอพี เอ็มอี (กรุงเทพ)

11

3,238

6.50%

4

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์

8

2,660

5.30%

5

บมจ.แสนสิริ

5

2,308

4.60%

6

บจก.แกรนด์ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ (บมจ.ยูนิเวนเจอร์ TCC)

3

2,163

4.30%

7

บมจ.ศุภาลัย

4

1,872

3.80%

8

บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ + คาซาวิลล์ + กัสโตวิลเลจ

5

1,232

2.50%

9

บจก.รื่นฤดีดีเวลล็อปเมนท์

3

1,011

2.00%

10

บจก.พนาสนธิ์ พร็อพเพอร์ตี้

1

909

1.80%

11

บจก.ไอริสกรุ๊ป

1

900

1.80%

12

บมจ.เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้

1

874

1.80%

13

บจก.สิรารมย์7

2

647

1.30%

14

บจก.สยามนุวัตร

1

622

1.20%

15

บจก.วี.วี.พร๊อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป

1

585

1.20%

16

บมจ.อีสเทอร์นสตาร์เรียลเอสเตท

1

554

1.10%

17

บจก.เคหะกำจร

1

546

1.10%

18

บจก.กานดาเดคคอร์

2

541

1.10%

19

บจก.พิศาลแลนด์

1

479

1.00%

20

บจก.อัลไบร์ทโฮลดิ้งส์

1

471

0.90%

อันดับตามมูลค่าโครงการ

ส่วนหากพิจารณาจากมูลค่าของหน่วยขายที่เปิดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จะสามารถอับดับตามมูลค่าได้ ดังนี้

อันดับ

ชื่อบริษัท

มูลค่า (ล้านบาท)

สัดส่วนจากทั้งตลาด

1

บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท

22,576

16.40%

2

บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) + เอพี เอ็มอี (กรุงเทพ)

13,841

10.00%

3

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์

12,555

9.10%

4

บมจ.แสนสิริ

7,737

5.60%

5

บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์

7,562

5.50%

6

บ.แกรนด์ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ (บมจ.ยูนิเวนเจอร์ TCC)

6,608

4.80%

7

บมจ.ศุภาลัย

4,329

3.10%

8

บจก.สยามนุวัตร

3,638

2.10%

9

บจก.อัลไบร์ทโฮลดิ้งส์

2,889

1.80%

10

บจก.รื่นฤดีดีเวลล็อปเมนท์

2,529

1.20%

11

บมจ.ปริญสิริ

2,126

1.50%

12

บมจ.อีสเทอร์นสตาร์เรียลเอสเตท

1,896

1.40%

13

บจก.พนาสนธิ์ พร็อพเพอร์ตี้

1,710

1.20%

14

บจก.เฟรเกรนท์พร็อพเพอร์ตี้

1,625

0.90%

15

บจก.กานดาเดคคอร์

1,307

0.80%

16

บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ + คาซาวิลล์ + กัสโตวิลเลจ

1,232

2.50%

17

บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

1,157

0.80%

18

บจก.วี.เอ็ม.พี.ซี.

1,142

0.70%

19

บจก.ไอริสกรุ๊ป

990

0.70%

20

บจก.พิศาลแลนด์

905

0.60%

ภาพเปรียบเทียบ

จะเห็นได้ว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท โดยมีนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์เป็นประธานคณะกรรมการ ทั้งนี้มีหน่วยขายเปิดใหม่ 9,116 หน่วย จาก 32 โครงการ หรือมีสัดส่วนถึง 18.3% ของทั้งตลาด หรือเกือบหนึ่งในห้าของทั้งตลาด และหากพิจารณาจากมูลค่าที่เปิดใหม่ ณ 22,576 ล้านบาท ก็จะมีสัดส่วน 16.4% ของทั้งตลาด หรือหนึ่งในหกของทั้งตลาดนั่นเอง

ในแง่ของจำนวนหน่วย บริษัท 10 อันดับแรก ครองส่วนแบ่งในตลาดถึง 62.1% แต่ในแง่มูลค่าครองอยู่ 59.6% และเมื่อพิจารณารวม 20 บริษัทแรก ปรากฏว่า 74.6% หรือสามในสี่อยู่ในมือของผู้ประกอบการ 20 รายแรก แต่ในแง่มูลค่า 20 รายแรกครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 70.8% สถานการณ์ในยามนี้ จึงยังไม่ค่อยมีบริษัทขนาดเล็กลงแข่งขันมากนัก เพราะสถานการณ์ยังมีความไม่มั่นคงพอสมควร ในอนาคต หากสถานการณ์ดีขึ้นคงจะมีบริษัทเข้ามาในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

อาจกล่าวได้ว่าขนาดของ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมกันมากกว่าการเคหะแห่งชาติที่เป็นรัฐวิสาหกิจเสียอีก (หากไม่นับรวมจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ในโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด และบ้านในโครงการเอื้ออาทร) เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากที่บริษัทแห่งนี้เติบโตขึ้นมาในระยะ 20 ปีที่ผ่านมาจากบริษัทรับเหมาสร้างบ้านให้บริษัทมหาชนรายใหญ่ในสมัยก่อน และทำโครงการราคาถูกในระยะแรก ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอันดับหนึ่งติดต่อกันมาหลายปีอาจกล่าวได้ว่าบริษัทพัฒนาที่ดินไทยทั้งบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชนทั่วไปสามารถแบกรับภาระการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยรัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีอากรเข้าอุดหนุน หรือเป็นทุนในการดำเนินการเช่นในกรณีรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งยังสามารถสร้างกำไรได้ดี จนเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง

รัฐบาลจึงควรส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน รวมทั้งการร่วมมือกันจัดหาที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัของภาคเอกชนมากกว่าที่จะดำเนินการเอง ยกเว้นโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด หรือโครงการที่จำเป็นอื่น ๆ