นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกรรมการ และพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นรองประธานกรรมการ ว่า ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งบอร์ดบีโอไอได้ประชุมเป็นครั้งแรก จนถึงวันนี้ 18 กรกฎาคม บอร์ดบีโอไอได้ประชุมครั้งที่ 2 และในช่วงดังกล่าวก็มีการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการหลายครั้งด้วย ทำให้สามารถอนุมัติให้การส่งเสริมโครงการลงทุนรวมทั้งสิ้น 92 โครงการ เงินลงทุนรวม 258,678 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 35 ของมูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ค้างการพิจารณาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 742,890 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสามารถดำเนินงานได้น่าพอใจ และมั่นใจว่าจะสามารถอนุมัติโครงการทั้งหมดได้ภายในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน สำหรับการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจำนวน 15โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 51,526.5 ล้านบาท (รวมอยู่ในจำนวนโครงการ และมูลค่าข้างต้นแล้ว) ประกอบด้วย
1. บริษัท ซีพีแรม จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตเบเกอรี่ เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,450 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละประมาณ 25,900 ตัน ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพฯ โดยโครงการนี้จะใช้วัตถุดิบในประเทศเกือบทั้งหมด ได้แก่ เนื้อสัตว์ ผัก ไข่ น้ำมันพืชและน้ำตาล ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนทางอ้อมแก่อุตสาหกรรมเกษตรในประเทศด้วย
2. บริษัท ครบุรีไบโอเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตเอทานอล 99.5% เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,098.5 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละประมาณ 60 ล้านลิตร ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยโครงการนี้เป็นการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่วัสดุการเกษตร และเป็นการส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนในประเทศ ทดแทนการนำเข้าเชื้อเพลิง ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงาน
3. บริษัท อาซาฮี คาเซอิ สปันบอนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตผ้า ผลิตภัณฑ์ NON-WOVEN FABRIC ซึ่งเป็นส่วนประกอบของการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูป เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,758 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละประมาณ 17,200 ตัน ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่าปีละประมาณ 820 ล้านบาท และเป็นการผลิตเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปในประเทศด้วย
4. บริษัท การ์เดียนอินดัสทรีส์ ระยอง จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตกระจกเคลือบผิวกันรังสี เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละประมาณ 86,000 ตัน ตั้งโครงการที่เขตอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดระยอง โดยกระจกเคลือบผิวกันรังสีจากโครงการนี้ เป็นกระจกประหยัดพลังงานและลดการใช้พลังงานของอาคารสมัยใหม่ และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง อุตสาหกรรมผลิตหน้าต่างสำเร็จรูป และลดการนำเข้ากระจกเคลือบผิวกันรังสี รวมถึงช่วยลดการใช้พลังงานในประเทศ
5. บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรือ อีโคคาร์ 2 เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,727.5 ล้านบาท กำลังการผลิตรถยนต์ปีละประมาณ 158,000 คัน กำลังการผลิตชิ้นส่วนปีละประมาณ 200,000 ชิ้น ตั้งโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยโครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกที่ได้รับส่งเสริมให้ผลิตอีโคคาร์ 2 และตามแผนงาน จะมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมีแผนพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ผลิตแม่พิมพ์ของไทยด้วย
6. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลและไอน้ำ เงินลงทุนทั้งสิ้น 798 ล้านบาท กำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 9.8 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ตั้งโครงการที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยโครงการนี้เป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงชีวมวล และมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงาน
7. บริษัท ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,056 ล้านบาท กำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 105 เมกะวัตต์ ตั้งโครงการที่จังหวัดชัยภูมิ โดยโครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศ และเป็นโครงการที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานลม รวมทั้งมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงาน
โครงการที่ 8 – 12
กลุ่มบริษัท นทลิน เวลสตาร์ เอ็นเนอจิ จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม รวมจำนวน 5 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 5 โครงการ 9,753.5 ล้านบาท กำลังการผลิตรวม 274 เมกะวัตต์ โครงการตั้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 โครงการ และตั้งที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดละ 1 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศเยอรมนี และเป็นโครงการที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานลม รวมทั้งมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงาน
13. บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ได้รับส่งเสริมให้เพิ่มกำลังการผลิตกิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล โดยจะเพิ่มการขนถ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปีละประมาณ 1 ล้านตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,285 ล้านบาท โครงการอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยโครงการนี้จะช่วยเพิ่มจุดรับก๊าซ LPG ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงจุดเดียวและไม่เพียงพอต่อการขนถ่ายก๊าซ LPG
14. บริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เงินลงทุนทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท กำลังการผลิตไฟฟ้า 246.5 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไอน้ำ 343 ตันต่อชั่วโมง ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งจะนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ ช่วยประหยัดพลังงานในการผลิตไฟฟ้า และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
15. บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,600 ล้านบาท กำลังการผลิตไฟฟ้า 142 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 30 ตันต่อชั่วโมง ตั้งโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยโครงการนี้เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งจะนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ ช่วยประหยัดพลังงานในการผลิตไฟฟ้า และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit