เมื่อเร็วๆนี้ Japan Finance Corporation (JFC), หอการค้าญี่ปุ่น - กรุงเทพฯ(JCC), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ได้ร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดงานเจรจาธุรกิจไทย-ญี่ปุ่นครั้งที่ 15 โดยมีนายคุโรดะ จุน ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ นายโอโนะ โยตะ กรรมการผู้จัดการอาวุโส JFC นายฮิดากะ คาซึโอะ รองประธาน หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ และนางสาวพัชรดา นวกะวงษ์การ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผู้ประกอบการไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกล่าวเปิดงาน
งานเจรจาธุรกิจซึ่งเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ได้รับการต้อนรับอย่างดีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหรือซัพพลายเออร์โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เทรดดิ้ง หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้ซื้อที่มาร่วมงานเห็นว่า เป็นโอกาสอันดีที่ได้พบผู้ขายหรือซัพพลายเออร์ที่มีความหลากหลายท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่สูงขึ้นซึ่งทำให้ผู้ซื้อต้องมองหาช่องทางในการลดต้นทุน งานนี้ก่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจมากกว่า 250 คู่ซึ่งตรงความต้องการของผู้ซื้อจากผู้ที่มาร่วมงานกว่า 180 บริษัททั้งไทยและญี่ปุ่น
นายคุโรดะ ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ กล่าวในช่วงพิธีเปิดว่า ที่ผ่านมาบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาขอรับคำปรึกษาจากเจโทร กรุงเทพฯ โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศไทย และการส่งออกจากญี่ปุ่นมาประเทศไทย และในช่วงระยะหลังมีบริษัทญี่ปุ่นที่ตั้งกิจการในไทยอยู่แล้วเข้ามาขอรับคำปรึกษาเพิ่มมากขึ้น บริษัทที่มาขอรับคำปรึกษาหลายแห่งต้องการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากการบุกเบิกช่องทางการค้าขายใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วหรือแสวงหาช่องทางขยายธุรกิจไปสู่สาขาที่แตกต่างจากเดิม ในขณะเดียวกันยังมีบริษัทที่กำลังพิจารณาใช้ประเทศไทยเป็นฮับหรือศูนย์กลางเพื่อขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านและเจโทรยังคงดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนธุรกิจระหว่างบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจเชิงรุกต่อสิ่งท้าทายใหม่ๆโดยใช้ความรู้และประสบการณ์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่สั่งสมมาทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ กับบริษัทคู่ค้าไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดสัมมนา การจับคู่ธุรกิจและเจรจาการค้า การจัดงานแสดงสินค้า การให้บริการข้อมูลธุรกิจ เป็นต้น
นางสาวพัชรดา นวกะวงษ์การ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผู้ประกอบการไทย บีโอไอ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาอย่างยาวนานในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม การขับเคลื่อนธุรกิจ การส่งเสริมการท่องเที่ยว นักลงทุนและผู้ประกอบการญี่ปุ่นมีบทบาทต่อการลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เป็นพันธมิตรด้านการลงทุนที่แน่นแฟ้นกันมายาวนาน โดยเป็นนักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนในไทยสูงสุดติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการจากญี่ปุ่นได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน มากกว่า 4,000 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 6 ล้านล้านเยน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง