Bualuang House View: โอกาส...เรื่องกิน

           เรื่องกิน... ปัจจัยที่มีความสำคัญกับชีวิตมนุษย์อย่างมาก โดยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ธุรกิจ Foodservice จะมีตลาดใหญ่มาก จากข้อมูลยูโรมอนิเตอร์ระบุว่า ธุรกิจ Foodservice ทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีมูลค่ามากกว่า GDP ของอาเซียนทั้ง เอเชียแปซิฟิกยูโรมอนิเตอร์ ประเทศรวมกัน 
          ทวีปเอเชียแปซิฟิกมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ เอเชียแปซิฟิก ที่ 42% ของธุรกิจ Foodservice ทั่วโลก ขณะที่ตลาดสหรัฐและยุโรปตะวันตกมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ แต่ตลาดสหรัฐและยุโรปตะวันตกมีอัตราเติบโตไม่สูงมาก ทำให้ตลาดประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เช่น เอเชียแปซิฟิก ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งมีอัตราเติบโต 6Rเอเชียแปซิฟิกเอเชียแปซิฟิก;9% กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะผลักดันธุรกิจนี้ต่อไป โดย 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าธุรกิจ Foodservice ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นกว่า 44ยูโรมอนิเตอร์,ยูโรมอนิเตอร์ยูโรมอนิเตอร์ยูโรมอนิเตอร์ ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากมูลค่าธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิกเกือบ 3ยูโรมอนิเตอร์ยูโรมอนิเตอร์,ยูโรมอนิเตอร์ยูโรมอนิเตอร์ยูโรมอนิเตอร์ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
           มูลค่าธุรกิจ Foodservice ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีประมาณ 126,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าตลาดใกล้เคียงกับประเทศอิตาลี ทั้งที่มีประชากรแค่ 60 ล้านคน เมื่อเทียบกับประชากร 600 ล้านคนในอาเซียน ทำให้ตลาดอาเซียนมีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งสังเกตได้จากการเข้ามารุกตลาดของ Global Players มากขึ้น เช่น McDonald's เข้าไปเปิดสาขาแรกที่นครโฮจิมินห์ซิตี้ในประเทศเวียดนาม หลังจาก Yum! Brands, Burger King และ Starbucks เข้าไปตั้งแต่ปี 2540 2554 และ 2555 ตามลำดับ นอกจากขนาดของประชากรแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจ Foodservice อาทิ
          - วิถีชีวิตและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น ประชากรย้ายเข้ามาในเมืองมากขึ้นเพื่อแสวงหาโอกาสให้มีรายได้ที่มากขึ้น ทำให้มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ในขณะที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง ทำให้การทำอาหารเอง แล้วกินทั้งครอบครัวไม่คุ้มเหมือนสมัยก่อน ผู้บริโภคจึงยอมจ่ายเงินกินอาหารนอกบ้านที่อร่อยกว่าและสบายกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ร้านอาหารยังเป็นแหล่งในการพบปะสังสรรค์พร้อมกับพักผ่อนไปในตัว ทำให้ร้านอาหารในปัจจุบันมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของคนเมือง จากข้อมูลของ UN ระบุว่า Urbanization rate ของประเทศแถบนี้ยังค่อนข้างต่ำ (45% ในอาเซียน และ 34% ประเทศไทย) เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว (78%) ทำให้ชุมชนเมืองยังมีโอกาสเติบขึ้นอีกมาก โดยใน 5 ปีที่ผ่านมา มีประชากรอาเซียนย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเพิ่มขึ้นเกือบ 30 ล้านคน โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่มีประชากรย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองถึง 9 ล้านคน
          - พฤติกรรมนิยมทานอาหารนอกบ้าน อ้างอิงข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ ประชากรอาเซียนนิยมในการใช้จ่ายกับร้านอาหารมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่นิยมในการใช้จ่ายกับร้านอาหารมากเป็นอันดับสองในโลก
          - ประชากรยังอายุน้อยมาก โดยกว่าครึ่งของประชากรในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม มีอายุน้อยกว่า 30 ปี และ ฟิลิปปินส์มีประชากรที่มีอายุน้อยกว่า 14 ปี ถึง 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ่งโดยปกติแล้วประชากรที่อายุน้อยจะเปิดรับวัฒธรรมอาหารใหม่ๆ และเข้าถึงเทคโนโลยีได้ดีกว่า ทำให้ธุรกิจ Foodservice ต่างชาติสามารถใช้การตลาดสมัยใหม่ เช่น โซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าในขณะที่ลูกค้าก็เปิดใจยอมรับมากกว่า
          ถ้าแบ่งธุรกิจ Foodservice ออกเป็นธุรกิจที่มีแบรนด์กับไม่มีแบรนด์ ธุรกิจ Foodservice ที่มีแบรนด์ในอาเซียนมีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ประมาณ17% โดยเมื่อเทียบกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น พบว่า ธุรกิจ Foodservice ที่มีแบรนด์ครองตลาดในสัดส่วนถึง 53% 37% และ 47% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า ASEAN ยังมีโอกาสให้ธุรกิจ Foodservice ที่มีแบรนด์เข้าไปเจาะตลาดได้อีกมาก โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง McDonald's และ Yum! Brands ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของมูลค่าธุรกิจ Foodservice ที่มีแบรนด์ทั่วโลกในขณะนี้ 
          5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจ Foodservice ที่มีแบรนด์สามารถเติบโตได้ดีกว่าธุรกิจที่ไม่มีแบรนด์ โดยในอาเซียน กลุ่มมีแบรนด์สามารถเติบโตได้ 8.3% ต่อปี ขณะที่กลุ่มไม่มีแบรนด์สามารถเติบโตได้ 6.3% ต่อปี ประเทศที่เติบโตดีที่สุดคือประเทศเวียดนามที่กลุ่มมีแบรนด์เติบโตเฉลี่ยถึง 27.1% ต่อปี ขณะที่กลุ่มไม่มี แบรนด์สามารถเติบโตได้ 11.2% ต่อปี ธุรกิจ Foodservice ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในอาเซียน ขณะนี้คือ Yum! Brands โดยแย่งอันดับหนึ่งมาจาก McDonald's เจ้าของแชมป์เก่าในปี 2551 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า มีไม่กี่ที่ในโลกที่ McDonald's เป็นรอง Yum! Brands และมีไม่กี่ประเทศในโลกที่ McDonald's จะเป็นรองร้านฟาสต์ฟู้ดท้องถิ่นอย่างในประเทศฟิลิปปินส์ที่ Jollibee มียอดขายสูงกว่า McDonald's กว่าเท่าตัวและช่องว่างนี้ไม่ได้มีที่ท่าว่าจะลดลง
           ตลาด Foodservice ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก รวมถึงช่องว่างในตลาดยังมีอยู่มาก มีผู้เล่นจำนวนมากโดยที่ไม่มีบริษัทไหนที่จะครอบงำธุรกิจได้เลย ความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้บริโภคนั้นมีความหลากหลาย คนกินอาหารก็ต้องการอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันตลอดทั้งสัปดาห์ เดือน และปี ความสามารถที่จะสนองความต้องการทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ทำให้ตลาดถูกแชร์ออกไปมากเช่นกัน ธุรกิจ Chain Restaurant ที่มีแบรนด์ที่จึงได้เปรียบ Economy of scale ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงวิกฤติ โดยร้านที่มีแบรนด์แข็งแกร่งจะฝ่ามรสุมไปได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่มีแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงน้ำท่วมในประเทศไทย ร้านอาหารหลายเจ้าเจอพิษเศรษฐกิจกับภัยน้ำท่วมจนธุรกิจเสียหายหนักจนกลับมาได้ยาก หรือใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้ ซึ่งวิกฤติเหล่านี้ก็ได้สร้างโอกาสให้กลุ่มที่มีแบรนด์เข้ามาแย่งชิงตลาดของธุรกิจ Foodservice ที่ไม่มีแบรนด์ อย่างไรก็ดี บริษัทที่มีแบรนด์ระดับโลกหลายๆที่ ต้องปรับตัว เพราะ 
          - การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น McDonald’s มีอัตราเติบโตของยอดขายของสาขาเดิมติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี จากการรุกตลาดทั้งจาก Global Brands เช่น Burger King, Wendy และ Local Brands เช่น Jollibee, Dico’s 
          - ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งบริษัทต่างชาติต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ โดยการที่จะเป็น Global Brands ได้จะต้อง Think Global, Act Local ซึ่ง Yum! Brands ได้พยายามทำมาโดยตลอด เช่น ในประเทศไทยจะมีเมนูข้าวยำ ประเทศสิงคโปร์จะเป็นข้าวมันไก่ทอด 
          - พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ปัจจุบัน 81% ของร้านอาหารส่วนใหญ่ในโลกนี้จะอยู่ในรูปแบบร้านที่ตั้งขึ้นมาเดี่ยวๆ (Stand-alone) ขณะที่ร้านที่ตั้งอยู่ในห้างมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การไปห้างสรรพสินค้านั้นส่วนใหญ่สร้างความสะดวกสบายให้ผู้บริโภคมากกว่าที่จะไปร้าน Stand-alone เช่น มีความหลากหลายของร้านให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร ที่จอดรถที่สะดวกสะบาย นอกจากนั้น ร้านอาหารยังได้ประโยชน์จากการใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าเพราะร้านพวกนี้ไม่ต้องซื้อที่ดินหรือลงทุนสร้างร้าน ทำให้การขยายตัวหรือเพิ่มยอดขายนั้น ใช้เงินลงทุนไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายหรือเทียบกับกำไรที่จะได้ 
          ธุรกิจ Foodservice ท้องถิ่นหลายเจ้าเองก็พยายามพัฒนาตนเองให้แข่งขันกับ Global Players ได้และเมื่อพัฒนาตัวเองจนฐานที่มั่นแข็งแกร่งแล้ว ก็มองกลับไปยังต่างประเทศเพื่อที่จะแย่งชิงเค้กก้อนนี้ในต่างประเทศเช่นกัน Jollibee ธุรกิจฟาสต์ฟู้ดของฟิลิปปินส์ที่ซื้อกิจการร้านอาหารมากมายทั้งในจีน เวียดนามพร้อมกับเข้าไปบุกตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดธุรกิจฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่หลายเจ้า โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะมีอัตราส่วนจำนวนร้านในต่างประเทศต่อร้านในประเทศอยู่ที่ 50:50 ภายในปี 2563 หลายบริษัทในประเทศไทยก็พยายามที่จะบุกตลาดต่างประเทศเช่นกัน เช่น MK สุกี้เข้าไปเปิดในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ไก่ย่างห้าดาวเข้าไปบุกตลาดอินเดีย Minor Group ได้ขยายสาขาเข้าไปยัง จีน ตะวันออกกลาง แอฟริกา และ ออสตราเลเซีย เพื่อหวังแบ่งเค้กก้อนใหญ่ก้อนนี้เช่นกัน 
          จะเห็นได้ว่าการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคนี้ และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ยังคงเข้มข้นและรุนแรง โดยผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในปรับกลยุทธให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เพื่อให้บริษัท พร้อมรุก กับโอกาสในตลาดที่จะยังคงเติบโตได้ดีในภูมิภาคนี้ ซึ่งตลาดนี้ยังอยู่ในวัยกระเตาะที่ยังเติบโตได้อีกมาก โดยพิจารณาได้จากหลายๆ ปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น เช่น Urbanization rate อัตราส่วนของธุรกิจที่มีแบรนด์ พฤติกรรมชอบทานอาหารนอกบ้านของคนในภูมิภาคนี้ และ พร้อมรับ กับคู่แข่งที่เล็งเห็นโอกาสและพร้อมจะเข้ามาไขว่คว้าโอกาสในภูมิภาคนี้เช่นกัน
 
 
 

ข่าวยูโรมอนิเตอร์+เอเชียแปซิฟิกวันนี้

ไฮเออร์ ครองแชมป์แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชั้นนำระดับโลกอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 16 โดย ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล

ไฮเออร์ ได้ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำระดับโลกในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชั้นนำ โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์อันดับ 1 อิงตามยอดขายของปี พ.ศ. 2567 จาก ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล (Euromonitor International) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ 16 ติดต่อกันแล้วที่ไฮเออร์ครองตำแหน่งสูงสุดในเวทีโลก โดยข้อมูลล่าสุดจากสถาบันยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Euromonitor International) ชี้ให้เห็นถึงความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องของไฮเออร์ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ดังนี้ ตู้

ในปี 2024 กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดั... ส่องเทรนด์เทคโนโลยี 2025 นวัตกรรมสุดคูลโดนใจนักเดินทาง — ในปี 2024 กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือน "มากที่สุด" ...

โรโบร็อคใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต ข้... โรโบร็อคขึ้นแท่นผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของยอดขายรุ่นไฮเอนด์ — โรโบร็อคใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต ข้อมูลล่าสุดจากยูโรมอนิเตอร์ (Eu...

แถลงข่าว ผลประกอบการด้านรายได้ของสินค้าไฮเออร์ปี 2561 พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ของปี 2562

เนื่องด้วย ไฮเออร์ เป็นผู้ผลิตและผู้นำรายใหญ่ในด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยของโลก โดยมีพันธกิจในการสร้างสรรค์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ...

Food&HotelAsia เผยรายงาน White Paper ว่าด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ ในโอกาสฉลองครบรอบปีที่ 40

Food&HotelAsia (FHA) ประกาศเปิดตัวรายงาน White Paper ด้วยความร่วมมือกับ ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 40 ภายใต้หัวข้อ: นวัตกรรมอัจฉริยะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์อาหารและการบริการภายในปี 2020...

บริษัท สแตนเลส เวิร์ล จำกัด เปิดตัวเครื่อ... มิติใหม่ของการทำไอติมแท่ง ธุรกิจเมืองร้อน สำหรับโลกยุค 4.0 ที่ใครๆก็ทำได้ — บริษัท สแตนเลส เวิร์ล จำกัด เปิดตัวเครื่องทำไอติมแท่งขนาด 175 แท่ง รองรับความต...

Bualuang House View: โอกาส...เรื่องกิน

เรื่องกิน... ปัจจัยที่มีความสำคัญกับชีวิตมนุษย์อย่างมาก โดยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ธุรกิจ Foodservice จะมีตลาดใหญ่มาก จากข้อมูลยูโรมอนิ...

ยูโรมอนิเตอร์เผย "ไฮเออร์" ครองอันดับ 1 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ของโลกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

ไฮเออร์ (Haier) เดินหน้าขยายส่วนแบ่งในตลาดแบรนด์ระดับโลกเป็น 8.6% ส่งผลให้ครองตำแหน่งสูงสุดในการจัดอันดับ Global Major Appliances 2012 Brand โดยยูโรมอนิเตอร์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ไฮเออร์ ประกาศว่า...