ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน ด้วยวีดีโอภาพประวัติของรถยนต์มาเซอร์ราติ ที่รายล้อมอยู่ภายในงานซึ่งเล่าถึงความเป็นมาของแบรนด์มาเซอร์ราติ ที่เริ่มก่อตั้งโดย 5 พี่น้องแห่งตระกูล Maserati ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1914 ณ เมืองโบลอกน่า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง โมเดน่า ประเทศอิตาลี และมีการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและดีไซน์อย่างต่อเนื่อง นับจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ภายใต้บรรยากาศ อันหรูหรา ของพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ที่มีประวัติมาช้านาน กว่า 104 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบสไตล์อิตาลี สอดคล้องกับต้นกำเนิดของรถยนต์มาเซอร์ราติที่ถือกำเนิดจากประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นพิธีกรได้ขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน พร้อมเรียนเชิญ คุณพศริน เมธีวัชรานนท์ ขึ้นกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมพูดคุยถึงความเป็นมาของรถยนต์มาเซอร์ราติที่มีประวัติมายาวนานและแผนการตลาดที่ทำให้มาเซอร์ราติประสบความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 พร้อมเปิดวีดีโอพรีเซ็นเทชั่นแนะนำที่สุดของยนตกรรมยานยนต์ระดับโลก รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ดีไซน์ล่าสุด ที่มีการเปิดให้แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนได้รับชมครั้งแรกในประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของรถยนต์รุ่นนี้ หลังจากนั้นไม่รอช้าเรียนเชิญผู้ร่วมงานทุกท่าน มายังด้านหน้าลานน้ำพุเพื่อยลโฉมรถ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ฟรานเชสโค ซาริโอ นิสิโอ เอกอัครราชฑูตอิตาลี ประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดตัวด้วยการนั่งรถยนต์หรูเข้ามาที่ลานน้ำพุเพื่อโชว์ความเป็นสุดยอดของนวัตกรรมยายนต์อิตาลี ที่ผสมผสานความเป็นสปอร์ตและความหรูหรา พร้อมความสะดวกสบายของเทคโนโลยีต่างๆ และความสวยงามของการตกแต่ง ที่เปรียบดั่งเม็ดน้ำงาม ที่เจิดจรัสอยู่ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน พร้อมกล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่รถยนต์มาเซอร์ราติก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 และในโอกาสครบรอบ 50 ของรถยนต์ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) พร้อมด้วย คุณพรศริน เมธีวัชรานนท์ ขึ้นกล่าวถึงรายละเอียดและความพิเศษของรถยนต์รุ่นนี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้มีประวัติมายาวนาน และได้ผ่านการออกแบบจากเหล่าดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก ถึง 6 เจเนอเรชั่น
เริ่มด้วย คนแรก ปิเอ โตร ฟรูอา (Frua) ในปี ค.ศ.1963 ผู้สร้างประวัติศาสตร์รถซาลูน 4 ประตู ที่ทำความเร็วได้สูงสุด 230 กิโลเมตร/ชม. ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่แม้แต่เจ้าชาย เรเนีย แห่งประเทศโมนาโก หรือ นักแสดงดัง แอนโธนี ควินน์ ยังเลือกที่จะใช้รถยนต์รุ่นนี้ในสมัยนั้น คนที่สอง เบอร์โทเน่ (Bertone) ในปี ค.ศ. 1973 ที่เน้นการออกแบบเพื่อความสะดวกสบาย เพื่อสร้างประสบการณ์การใหม่ในการขับขี่ ซึ่งมีเพียง 13 คันเท่านั้น โดยทั้งหมดได้ถูกขายไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง คนที่สาม จิออร์เก็ตโต้ จุยเกียโร่ (Giorgetto Giugiaro) ในปี ค.ศ.1979 ภายใต้การดูแลของ อเล็กซานโดร เดอ โทมาโซ (Alejandro de Tomaso) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในสำหรับเจเนอเรชั่นนี้ คนที่สี่ มาร์เซลโล กานดินี่ (Marcello Gandini) ในปี ค.ศ. 1994 ถือเป็นการดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยการเป็นรถซาลูนขนาดเล็ก ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 260 กิโลเมตร/ชม. ภายในเวลาเพียงแค่ 6 วินาที คนที่ห้า พินินฟาริน่า (Pininfarina) ในปี ค.ศ. 2003 สร้างความแตกต่าง แบบสิ้นเชิง ในการผสมผสานความหรูหราและความเป็นสปอร์ตที่ให้ความสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
จนถึงปัจจุบันมาเซอร์ราติ โฉมใหม่นี้ ได้รับการออกแบบจากดีไซเนอร์ดัง ลอเรนโซ่ รามาซิโอติ (Lorenzo Ramaciotti) เป็นผู้ออกแบบในดีไซน์ล่าสุด ที่ยังคงสืบทอดผลงานชิ้นเอก ที่เหล่านักออกแบบระดับโลกได้เคยออกแบบไว้ ด้วยการคงเอกลักษณ์กระจังหน้ารูปไข่แบบดั้งเดิม พร้อมลักษณะที่เพรียวลมที่ทรงพลัง ภายในยังให้ความรู้สึกเหมือนห้องพักส่วนตัวที่หรูหรา เบาะหุ้มด้วยหนังอันนุ่มนวลของ พอลโทรน่า ฟราว (Poltrona Frau) ไม้ชั้นดีและรอยเย็บอันประณีตภายในรถยังครอบคุลมด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่จะเปลี่ยนการเดินทางให้เป็นประสบการณ์ความผ่อนคลายที่ไม่เหมือนใคร รถรุ่นนี้ยังให้ความใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยช่องวางขาที่เพียงเพื่อความสะดวกสบายอย่างสูงสุด ด้านความปลอดภัย ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ระบบไฟฟ้าระดับสูงเมื่อรถเกิดการไถล จะช่วยลดแรงบิดจากเครื่องยนต์และสามารถกระตุ้นเบรคให้เข้าสู่ระดับเสถียรภาพภายในเสี้ยววินาที, ไฟหน้าระบบ Bi-Xenon ช่วยให้มองเห็นได้หลายระยะ สามารถปรับความลึกของแสงได้อัตโนมัติ และไฟกลางวัน LED ช่วยให้มองเห็นรถได้ในทันที พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ชิ้น ในตัวรถ ไม่เพียงเท่านั้น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ยังสร้างความโดดเด่น ด้วยการตกแต่งแบบเฉพาะตัวไม่ซ้ำใครที่ลูกค้าสามารถปรับเลือกใหม่ได้ถึง 8 เฉดสี และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลง รถรุ่นนี้ยังได้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาอุปกรณ์เสียงที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ดื่มด่ำกับรายละเอียดที่เล็กที่สุดของเสียงด้วยระลำโพงภายในตัวรถถึง 15 ชิ้น
พรศริน เมธีวัชรานนท์ ได้กล่าวว่า “ บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่นอกจากเราจะเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวแล้ว วันนี้เรายังได้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการจัดงานเฉลิมฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 ของรถยนต์มาเซอร์ราติ ซึ่งมีประวัติมายาวนาน
โดยเราได้เลือก พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ในการจัดงาน เพราะหากจะเปรียบการกันแล้วที่นี่ก็คล้ายกับรถยนต์มาเซอร์ราติ ที่มีการออกแบบในไสตล์อิตาลี และมีประวัติมายาวนาน พร้อมทั้งยังได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จนกลายเป็นสถานที่ที่มีความหรูหราร่วมสมัย แต่ยังมีกลิ่นอายของความดั่งเดิมอยู่ในตัว และวันนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดตัวรถยนต์รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ดีไซน์ใหม่ครั้งแรกใน ประเทศ ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของรถยนต์รุ่นนี้ซึ่งเรียกได้ว่าผ่านการปรับเปลี่ยนและพัฒนา นวัตกรรมยายนต์ของรถรุ่นนี้มากว่า 6 เจเนอเรชั่นเลยก็ว่าได้ โดยแต่ละเจเนอเรชั่นจะถูกออกแบบโดยนักออกแบบรถยนต์แถวหน้าระดับโลกที่ไม่ซ้ำกัน ไม่ใช่ เพียงแค่ดีไซน์ที่หรูหราล้ำสมัยเท่านั้น รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมความสะดวกสบาย ที่จะทำให้การเดินทางของผู้ที่ใช้รถกลายเป็นความรื่นรมย์อย่างแท้จริง โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ดีไซน์ใหม่นี้ จะยังคงได้รับการตอบรับที่ ดีจากผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราในสไตล์อิตาลี เหมือนเช่นเคยค่ะ”
จักรกฤต เบเนเดทตี้ ได้กล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลในรถยนต์ มาเซอร์ราติ มานานแล้ว อีกทั้งไลฟ์สไตล์ผมยังเป็นคนชอบการตกแต่งและออกแบบในสไตล์อิตาลี โดยเฉพาะดีไซน์ใหม่ของรถยนต์มาเซอร์ราติ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ที่รวมเอาความสปอร์ตและหรูหราเข้าด้วยกัน อีกทั้งเทคโนโลยีภายใน ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนชอบความเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างผม ได้อย่างลงตัว ไม่เท่านั้นเสียงเร่งของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 ขนาด 3.8 ลิตรแบบใหม่ของรถรุ่นนี้ มันยังทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมทุกครั้งที่ได้ยิน
สรัญทร เตชะไพบูลย์ ได้กล่าวว่า “ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบรถซาลูนอยู่แล้วค่ะ เพราะเป็นคนที่ของเยอะ และชอบไปไหนกับเพื่อนเยอะๆ บอกได้คำเดียวว่าประทับใจมาก กับรถยนต์ มาเซอร์ราติ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) เพราะคิดมาเสมอว่ารถยนต์อิตาลี จะมีดีไซน์ที่ค่อนข้างมีอายุ แต่รถยนต์รุ่นนี้ทำให้ เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและการดีไซน์ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบคลาสสิคไว้ และมีให้เลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของเราถึง 8 สี และที่ถูกใจอีกอย่างคือการตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และกว้างสบายไม่รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังหุ้มเบาะด้วยหนังระดับโลกของ พอลโทรน่า ฟราว (Poltrona Frau) ที่เปลี่ยนความรู้สึกของเบาะหนังแบบเดิมๆ ไปเลยค่ะ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit