Glenfiddich นำเสนอความหลากหลายแห่งวิสกี้ที่น่าลิ้มลอง

01 Apr 2013

กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--Vero PR

ประเทศไทยกำลังเติบโตเป็นตลาดสำคัญของ Glenfiddich (เกลนฟิดิค) ซิงเกิลมอลต์ สก็อตซ์วิสกี้ที่ได้รับรางวัลยกย่องมากที่สุดในโลก คนไทยที่ชื่นชอบสิ่งที่ดีที่สุดนิยมดื่มด่ำรสชาติที่ล้ำลึกซึ่งช่วยเสริมความโดดเด่นและหลากหลายของอาหารไทยได้เป็นอย่างดี โรงกลั่นที่บริหารงานภายในครอบครัวอายุกว่า 126 ปีที่ถือเป็นโรงกลั่นเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกำลังมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในเมืองไทย เช่นเดียวกับความต้องการให้จัดกิจกรรมการทดสอบรสชาติของวิสกี้ในกลุ่มเพื่อนฝูงและสำหรับองค์กรธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

Glenfiddich หรือในสกอตแลนด์มีคำเรียกขานว่า ‘Valley of the Deer’ หรือ ‘หุบเขาแห่งกวาง’ เป็นโรงกลั่นแห่งแรกในโลกที่ผลิตซิงเกิลมอลต์ ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งผลิตวิสกี้ที่มีความเชี่ยวชาญโด่งดังไปทั่วโลกและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในประทศไทย ซิงเกิลมอลต์ วิสกี้ที่เกิดจากโรงกลั่นแห่งเดียวและมาจากข้าวบาร์เลย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เบลนด์วิสกี้มาจากวิสกี้มากกว่าหนึ่งประเภทและไม่ได้มาจากข้าวบาร์เลย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือรายละเอียด กลิ่นและรสชาติของวิสกี้ที่แตกต่างกัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมซิงเกิลมอลต์และ Glenfiddich ถึงมีราคาสูง

“ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของ William Grant & Sons (วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์) และยังเป็นตลาดที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะคนไทยมุ่งเน้นที่คุณภาพและรสชาติเป็นหลัก” มร. มาร์คัส โลว์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริการ ประจำภูมิภาคของ William Grant & Sons กล่าว “แต่ละผลิตภัณฑ์ของเรามาพร้อมกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของนักดื่มแต่ละคน ตั้งแต่กรุ่นกลิ่นความหอมสดใหม่ของผลไม้และลูกแพรของ Glenfiddich 12 ปี ไปจนถึงความลื่นไหลในความหวานแบบน้ำผึ้งและเผ็ดซ่านอบอุ่นของ Glenfiddich 15 ปี Glenfiddich ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นในเมืองไทย เราเป็นหนึ่งในซิงเกิลมอลต์ วิสกี้ เจ้าแรกที่ส่งออกจากสกอตแลนด์ในปี พ.ศ.2506 และมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในตลาดเมืองไทย”

Glenfiddich เป็นส่วนหนึ่งของ William Grant & Sons โรงกลั่นอิสระที่บริหารงานในครอบครัวซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2429 โดดเด่นด้วยรสชาติและความซับซ้อนที่เกิดจากการผสมผสานความสดของน้ำสะอาดและทักษะชั้นยอดของมอลต์ มาสเตอร์อย่าง มร.ไบรอัน คินส์แมน ซึ่งเป็นมอลต์ มาสเตอร์คนที่หกในประวัติศาสตร์ 126 ปี ด้วยสูตรการปรุงวิสกี้ที่สั่งสมและสืบทอดมายาวนานกว่าห้าเจนเนอเรชั่น วิสกี้ที่สร้างจากประสบการณ์อันช่ำชองของผู้ชำนาญการจึงมีพัฒนาการและความพิถีพิถัน ผสานความเข้มข้นซับซ้อนเข้ากับบุคลิกเฉพาะตัวของ Glenfiddich

“หนึ่งในหน้าที่ของมอลต์ มาสเตอร์คือการตรวจสอบพัฒนาการของถังบ่มเพื่อรักษาคุณภาพและจำแนกเมื่อมีสิ่งผิดปกติหรือความพิเศษเกิดขึ้น” มร. สตรวน แกรนท์ ราล์ฟ แอมบาสซาเดอร์ของ William Grant & Sons กล่าว “การใส่ใจในรายละเอียดและความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมายาวนานทำให้ Glenfiddich มีความโดดเด่นอย่างมาก”

มร. สตรวน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทมีความพิเศษ เปี่ยมด้วยสีและกลิ่นที่แตกต่างกันเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีรสนิยมไม่เหมือนกัน อาทิ Glenfiddich 12 ปี มีความโดดเด่นที่ความสดและกลิ่นของผลไม้ ดื่มแล้วมีความนุ่มละมุนค้างต่อเนื่องยาวนานด้วยกลิ่นแพรสดและโอ๊คอันนุ่มนวล ขณะที่Glenfiddich 15 ปี จะสร้างความประทับใจด้วยกลิ่นที่ล้ำลึกของน้ำผึ้งและลูกเกด บอดี้ที่เต็มแน่นและกลิ่นรสที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สำหรับ Glenfiddich 18 ปี ผลิตแยกส่วนปริมาณน้อย มอบความนุ่มนวลสุดพิเศษและเต็มเปี่ยมด้วยความเป็นซิงเกิลมอลต์ สก็อตซ์วิสกี้อันลึกซึ้ง พร้อมกับกลิ่นอันเข้มข้นของแอปเปิลอบและซินนามอน”

Glenfiddich ทั้ง 12 ปี 15 ปี และ 18 ปีมีจำหน่ายในร้านค้าปลีกบางแห่งในประเทศไทย ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นอย่าง 21 ปี 30 ปี และ 40 ปี ก็มีจำหน่ายในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน

-นท-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit