เอไลฟ์ ชี้เทรนด์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์มาแรงในช่วงโค้งสุดท้ายของปี คนไทยให้ความสำคัญการมีแผนการเงินมากขึ้น ระบุการออมสั้นผ่านประกันชีวิตคึกคัก ชูผลตอบแทนสูง สวนทิศทางดอกเบี้ยขาลง โชว์ยอดเบี้ยรับงาน Set in the City พุ่ง 170 ล้านบาท
ดร.เมธี จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทแอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจประกันชีวิต ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีว่า มีแนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกรมธรรม์เพื่อลดหย่อนภาษี และกรมธรรม์สำหรับวัยเกษียณ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมวางแผนทางการเงินในอนาคต ขณะที่คนไทยให้ความสำคัญเรื่องของการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะการวางแผนการเงินผ่านรูปแบบของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เนื่องจากผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับเงินฝากทั่วไป อีกทั้ง ผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษี
“สัดส่วนของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพิ่มขึ้นมาถึง 1,800% (18 เท่า จาก 9 ล้าน เป็น 170 ล้าน) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กรมธรรม์เพื่อลดหย่อนภาษี และกรมธรรม์สำหรับวัยเกษียณก็ยังคงได้รับความนิยมสำหรับลูกค้าที่มองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสิทธิประโยชน์วางแผนการเงินช่วงปลายปีอย่างต่อเนื่อง” ดร.เมธี กล่าว
สำหรับการร่วมออกบูธงาน Set in the City กรุงเทพมหานคร 2012 ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก มีลูกค้ากว่า 1,000.ราย เข้ามาใช้บริการวางแผนทางการเงินกับเอไลฟ์ อย่างต่อเนื่องตลอดงาน โดยมียอดเบี้ยรับรวมสูงถึง 170 ล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีได้แก่ Strike 5 กรมธรรม์ออมทรัพย์ที่จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว คุ้มครองยาวถึง 5 ปี ให้ผลตอบแทนสูงคงที่ 5% ต่อปี และ Growth 5/2 แบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้น 5 ปี มียอดเบี้ยรับภายในงานรวมกันสูงถึง 140 ล้านบาท ขณะที่ Super Strike3 กรมธรรม์สำหรับ ผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะสั้น ชำระเบี้ยประกันครั้งเดียว และได้รับผลตอบแทนคงที่ 4.50% ต่อปี มียอดเบี้ยรับภายในงาน 24 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดหย่อนภาษี ที่เอไลฟ์ นำไปร่วมออกบูธภายในงาน อาทิ Strike 10 ประกันออมทรัพย์ระยะยาว แบบจ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว เบี้ยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ผลตอบแทนนานถึง 10 ปี คงที่ปีละ 4.5% ไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย และ Annuity 90/1 กรมธรรม์สำหรับวัยเกษียณที่ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว ลูกค้าสามารถเริ่มทำได้ทุกช่วงอายุไปจนถึงอายุ 59 ปี ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยมียอดเบี้ยรับภายในงานรวมกันถึง 6 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังคงเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายเพื่อรองรับการแข่งขัน และตอบสนองไลฟ์สไตล์ความต้องการด้านการวางแผนการเงินแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
-กภ-