ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงปลายปีเฉลี่ย 103 – 107 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลหน่วยกลั่นที่ 3 ติดตั้งใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีคุณภาพเหนือมาตรฐาน เดินหน้าการผลิตเต็มกำลัง 1.1 แสนบาร์เรลต่อวัน รับค่าการกลั่น 7- 8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีรายได้เสริมจากธุรกิจใหม่ 400 ล้านบาท
ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์พายุเฮอริเคนแซนดี้พัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน และความขัดแย้งในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงปลายปี 2555 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่103-107 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ดร.อนุสรณ์ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ว่าบริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อยที่ถือหุ้น มีกำไรสุทธิ 3,126 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.27 บาท ทั้งปี คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) กว่า 7,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับธุรกิจด้านการตลาดในช่วงปลายปี ราคาน้ำมันดีเซลยังคงอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 34-35 บาทต่อลิตร ส่วน E20 ราคาอยู่ที่ 31-32 บาทต่อลิตร เนื่องจากรัฐบาลยังคงใช้นโยบายภาษีและเงินจากกองทุนน้ำมันอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากการที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 เพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้เอทานอล บางจากฯ พร้อมให้การสนับสนุนโดยมีแผนขยายการจำหน่าย E20 เพิ่มเป็น 700 แห่ง และ E85 เพิ่มเป็น 100 แห่ง ในปี 2556 และไม่มีแผนที่จะกลับมาจำหน่ายเบนซิน 95
ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า จากเหตุฉุกเฉินเมื่อเดือนต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีการซ่อมแซมหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีบริษัท Foster Wheeler บริษัท DUPONT และบริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในระดับสากลมาให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรม ทบทวนตรวจสอบด้านความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจเหนือมาตรฐานสากล ทำให้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก สามารถกลั่นได้เต็มกำลัง 110,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าเพราะไม่ต้องหยุดซ่อมประจำปี โดยมีค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ย 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ หรือ Sunny Bangchak ระยะที่ 1 อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตติดตั้ง 44 เมกะวัตต์ ได้ดำเนินการผลิตจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD)ทั้งหมดเรียบร้อยแล้วตั้งแต่กลางเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 400 ล้านบาทส่วนโครงการฯ ระยะ 2 ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ และอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 50 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ คาดว่าสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ในต้นปี 2556 และจะทำให้บางจากฯ มีรายได้เพิ่มจากธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ รวมกว่า 1,500 ล้านบาท
-กภ-