ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊ป ปรับภาพลักษณ์ใหม่สู่แบรนด์ “CDG” เตรียมจัดทัพบุกอสังหาฯ ปีหน้า รุกตลาดครอบคลุมทุกเซ็กเม้นต์

08 Nov 2012

กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่่่่่่่่่น

บจก. ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป รีแบรนดิ้งปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัย สู่แบรนด์ “CDG” ลุยตลาดอสังหาฯ พร้อมเปิดตัว 2 ผู้บริหารสาวรุ่นใหม่ทายาทรุ่นที่ 2 ตระกูล เรืองปัญญาวุฒิ เผยเตรียมขยายไลน์ธุรกิจให้ครอบคลุมตลาดทุกเซ็กเม้นต์ นำร่องโครงการ Motto By Chanuntornเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่

นางสาวศราริน เรืองปัญญาวุฒิ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ เป็นเวลาหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อในแบรนด์อิ่มอัมพร และในแบรนด์ชนันธร 1,2,3 หลังจากนั้นตนและน้องสาวจึงรับช่วงเข้ามาบริหารงานของบริษัทต่อ โดยมีการทำการพัฒนา ปรับปรุงด้านผลิตภัณฑ์ การบริหาร และในเรื่องของแบรนด์ให้มีความทันสมัยขึ้น จนเป็นที่มาของโครงการในแบรนด์ชนันธรวินมิลล์, ชนันธรกรีนวิลล์, ชนันธรเดอะแซนด์ และโครงการล่าสุด โครงการ MOTTO By Chanuntorn(มอตโต้ บาย ชนันธร) รวม 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,500 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นจำนวนมากโดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนฝั่งธน แถวอ้อมน้อย เพชรเกษม บางบอน เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ผ่านมาภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทนับว่ามีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2552ซึ่งเพื่อให้ธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินการอยู่สามารถแข่งขัน และเติบโตเข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทางบริษัทจึงได้มีแผนทำการรีแบรนดิ้ง ปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยขึ้น โดยจากชื่อเดิมในแบรนด์ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ปจะเปลี่ยนมาเป็น แบรนด์“CDG”ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะปรับทั้งภาพลักษณ์ และโครงสร้างองค์กรและเป็นการเริ่มรุกตลาดในทำเลที่แตกต่าง พร้อมทำการพัฒนาโปรดักส์ที่หลากหลายขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมตลาดในทุกเซ็กเม้นต์

นางสาวศรินญา เรืองปัญญาวุฒิผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กรบริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัดกล่าวเสริมว่า จากภาพรวมของธุรกิจบ้านจัดสรร ถือว่า มีการแข่งขันทางด้านการตลาดกันมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด ในขณะเดียวกันก็ต้องสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์สำคัญเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเรื่องภาพลักษณ์ของการออกแบบ และแบรนด์ของโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ทำการปรับแบรนด์ใหม่สู่แบรนด์“CDG” แล้ว แผนการดำเนินงาน และการพัฒนาโปรดักส์จะเริ่มขยายเน้นไปที่กลุ่มนักธุรกิจหนุ่มสาว-คนรุ่นใหม่มากขึ้น

โดยที่ผ่านมาทางบริษัทได้เปิดตัวโครงการ MOTTO By Chanuntorn(มอตโต้ บาย ชนันธร)ซึ่งนับเป็นโครงการที่อยู่อาศัยโปรเจ็กต์ต้นแบบของการปรับแบรนด์CDG โดยมีแนวคิดการออกแบบดีไซน์ในสไตล์โฮมมี่ โมเดิร์นจับกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง ตั้งอยุ่บนพื้นที่โครงการรวม 68 ไร่ จำนวนยูนิต431 ยูนิตมูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท ประกอบไปด้วย บ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว และบ้านเดี่ยว โดยมีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ แบบบ้านQuoteขนาดพื้นที่ใช้สอย 168 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ แบบบ้าน Maximขนาดพื้นที่ใช้สอย 180 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ครัวไทยเปิดโล่ง แบบบ้าน Maxim Plusขนาดพื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ครัวไทยเปิดโล่ง และแบบบ้าน Mantraขนาดพื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 2 ที่จอดรถ 1 ครัวไทยเปิดโล่ง 1 ห้องซักรีด

ภายในโครงการพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะสปอร์ตคลับ-คลับเฮ้าส์เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ฟิตเนสFloating Pavillionสระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือขนาด 12x25 เมตร Jogging Track และสวนสาธารณะกลางแจ้งที่ออกแบบสำหรับการวิ่งในบรรยากาศธรรมชาติโดยเฉพาะพร้อมการเดินทางก็สะดวกสบายใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนพระราม 2, วงแหวนอุตสาหกรรม, เซ็นทรัลพระราม 2, เดอะมอลล์บางแค, โรงเรียนสารสาสน์, โรงพยาบาลบางมด, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มหัวลำโพง-มหาชัย

อย่างไรก็ดีภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ความต้องการซื้อของผู้บริโภคเองก็เริ่มจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยหากมองในแง่พฤติกรรมผู้บริโภคแล้วจะเห็นได้ว่าเริ่มมีการปรับตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อสาธารณูปโภค และการคมนาคมที่สะดวกแล้วเสร็จ อาทิ รถไฟฟ้าสายต่างๆ ถนนที่ตัดใหม่หลายสาย การขยายพื้นที่หน่วยราชการใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้หลายทำเลมีการแข่งขันกันมากขึ้น โดยผู้ประกอบการเองก็มีการขยายการพัฒนาโครงการไปในพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้นตามการขยายตัวของเมือง และแหล่งความเจริญ ซึ่งในส่วนของบริษัทนั้นเชื่อว่าสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ก็คือการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ในระดับราคาที่เหมาะสม พร้อมตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และตอบรับกับความต้องการของลูกค้า โดยแนวโน้มการลงทุนในอนาคตของบริษัท ก็จะเริ่มขยายการลงทุนไปพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ ที่ใกล้ในเมืองมากขึ้น พร้อมกับอาจจะมีการพัฒนาโปรดักส์ประเภทคอนโดมิเนียมด้วย

-กภ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit