กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--กบข.
กบข.จัดงาน GPF Symposium ระดมกองทุนทั่วโลกถกมุมมองการลงทุนปี 2555 ชี้มีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตามมากมาย ทั้งปัญหาหนี้ยุโรป สหรัฐฯ และการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้บริหารกองทุนชั้นนำของโลกฟันธงตรงกันว่า ปีนี้ปีทองตลาดเกิดใหม่น่าสนใจลงทุน เหตุเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ดึงดูดเงินไหลเข้า ชี้หุ้นยังเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจ ส่วนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ต้องเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุนต่างประเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวในงาน GPF Symposium ในหัวข้อ 2012 Investment Outlook ว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2555 ยังมีปัจจัยเสี่ยง ทั้งจากปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การลงทุนทั่วโลกมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจทำให้หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ในขณะที่ระยะยาวภาพรวมการลงทุนยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ภาวะเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นสูง และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มผันผวน
นายสุโรจิต บันท์ รองประธานกรรมการ บริษัท เครดิต สวิส ประจำประเทศฮ่องกง กล่าวว่า สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดของธนาคารกลางยุโรปและสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนในระยะสั้น ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาคเอเชียอาจจะชะลอการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากมาตรการดังกล่าวคือ สภาพคล่องที่ธนาคารกลางอัดฉีดเข้าสู่สถาบันการเงินอาจไม่สามารถส่งต่อไปภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real sector) ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามเป้าหมาย
นายบิเน่ย์ ชานด์โกเธีย กรรมการผู้จัดการ พริ้นซิเปิ้ล โกลเบิล กรุ๊ป ประเทศฮ่องกง กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ และในที่สุดแล้วกรีซอาจต้องประสบกับภาวะล้มละลาย ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มสหภาพยุโรปพยายามซื้อเวลาในการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ เพื่อให้สถาบันการเงินปรับตัวได้ สำหรับนักลงทุนควรพิจารณาปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรเป็นรายประเทศ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงและพื้นฐานทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในกลุ่มยูโรแตกต่างกัน ปัญหาที่กลุ่มยูโรเผชิญอยู่ในปัจจุบันเกิดจากการรวมตัวทางการเงิน ซึ่งบางประเทศอย่างกรีซพื้นฐานเศรษฐกิจไม่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ส่วนปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง โดยในที่สุดแล้วรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องปรับลดการขาดดุล โดยเฉพาะงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล สวัสดิการสังคม และบำนาญ
นายจอห์น มาร์ชแลนด์ ผู้จัดการกองทุน ชโรเดอร์ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่เป็นตลาดที่น่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งหุ้นถือเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกยังต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อปี 2551 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่เงินจะไหลเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) โดยมองว่าตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่เช่น จีน ยังราคาถูก และเชื่อว่าเศรษฐกิจของจีนจะไม่ประสบกับภาวะหดตัวอย่างรุนแรง (Hard Landing) เพราะจีนกำลังปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ได้แก่ กลุ่มโทรคมนาคม
นางสาวลอรี่ ไวท์ติ้ง รองประธานกรรมการ บริษัท เวลลิงตั้นเมจเนจเมนท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า นอกจากหุ้นในตลาดเกิดใหม่จะน่าสนใจเข้าลงทุนแล้ว ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ก็น่าสนใจลงทุนเช่นกัน รวมทั้ง สกุลเงิน เนื่องจากจะได้รับประโยช์จากเงินทุนไหลเข้า โดยตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชียน่าสนใจ เพราะคุณภาพดี แต่อาจได้ผลตอบแทนไม่สูงมาก ซึ่งหากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนการลงทุนที่สูงต้องลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือแสวงหากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับพันธบัตรในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วระยะสั้นไม่น่าสนใจ เนื่อง อัตราผลตอบแทนยังคงจะอยู่ในระดับที่ต่ำอีกระยะหนึ่ง ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง-นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit