กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
บลจ.ทิสโก้โชว์ผลงานโดดเด่น บริหาร “กองทุนเปิด ทิสโก้ เซ็ท อิควิตี้ ทริกเกอร์ 11% กองที่ 2 เข้าเป้าหมายปิดกองก่อนครบกำหนด สร้างกำไรแก่ผู้ถือหน่วย 11% ใช้เวลาลงทุนเพียงไม่ถึง 1 ปี ด้าน TISCO Wealth ชี้หุ้นไทยยังไปได้ต่อ หลังเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าลงทุนในภูมิภาคเอเชีย หนุนดัชนีตลาดหุ้นสดใส
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากที่ บลจ.ทิสโก้ ได้ ทำการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เซ็ท อิควิตี้ ทริกเกอร์ 11%” กองที่ 2 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีเงื่อนไขสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 11% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.0000 บาทได้นั้น ขณะนี้ NAV ของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 2 มีนาคม 2555 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 11.1381บาทต่อหน่วย ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงที่เราเปิดขายกองทุน “กองทุนเปิด ทิสโก้ เซ็ท อิควิตี้ ทริกเกอร์ 11%”กองที่ 2 เป็นช่วงที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนและปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่ง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสของนักลงทุนในการเข้าลงทุนในหุ้นที่ราคาถูกเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมาย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ได้คาดไว้ ทำให้เราสามารถปิด “กองทุนเปิด ทิสโก้ เซ็ท อิควิตี้ ทริกเกอร์ 11% ” กองที่ 2 ได้ก่อนครบกำหนด และสร้างกำไรให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ถึง 11% โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ปี“
ด้าน TISCO Wealth ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า ในภาพรวมยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคเอเชียในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของเอเชียในปีนี้จะยังคงมีการขยายตัวที่โดดเด่น อย่างไรก็ตามหุ้นไทยถือได้ว่าปรับตัวขึ้นมาเร็วกว่าภูมิภาคในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้ระดับราคา ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน และเทียบกับเป้าหมายในปีนี้ที่ระดับดัชนีประมาณ 1150-1200 จุด นักลงทุนจึงควรพิจารณาเลือกกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคเอเชียมากขึ้นเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการลงทุนเฉพาะหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit