กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--IR network
ผู้ถือหุ้น MILL ยกมือโหวตเห็นชอบอนุมัติแผนการจ่ายเงินปันผลและเพิ่มทุน “สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล” ปลื้มผู้ถือหุ้นเข้าใจถึงแผนงานของบริษัทและพร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกัน ระบุเงินที่จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ในโครงการกรีนมิลล์ ซึ่งปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 40% แล้ว คาดจะเริ่มผลิตพร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2555 และถือเป็นโปรเจ็กสำคัญที่จะช่วยดันอัตรากำไรขั้นต้นของ MILL ขยับเป็น 15-20% ส่วนการดำเนินงานในปีนี้ยังลุยกันสุดตัว นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (MILL) เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2553 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวดครึ่งปีแรกของปี 2553 (1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน) เป็นหุ้นสามัญปันผลและเงินสดปันผล โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ 1.จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ แบบ ก. ของบริษัท ในอัตรา 2 หุ้ นบุริมสิทธิ ประเภท ก. (เดิม) ต่อ 1 หุ้นสามัญ (ใหม่) ปันผล และจ่ายเงินสดปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ แบบ ก. เป็นจำนวน 0.0223 บาทต่อ 1 หุ้นบุริมสิทธิ (บุริมสิทธิ แบบ ก.) เพื่อรองรับการหักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวนร้อยละสิบ 2.จ่ายเงินสดปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ แบบ ข. ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น และ 3.จ่ายเงินสดปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น
“การประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีต่อนโยบายการบริหารงานของ MILL เข้าใจในสิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินการและพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปลงทุนใน BRP (บริษัทย่อย) โดย BRP จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการกรีนมิลล์ (Green Mill Project) โดยขณะนี้ได้เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/53 และจนถึงขณะนี้การก่อสร้างงานมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30-40% และเมื่อสามารถผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของ MILL เพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 20%
เขากล่าวต่อว่าตามเป้าหมายของโครงการ Green Mill จะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2555 มีกำลังผลิต 500,000 ตันต่อปี โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added ซึ่งปัจจุ บันในประเทศไทยยังคงต้องนำเข้า billet อยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงความขาดแคลนวัตถุดิบ จึงวางแผนลงทุนในโครงการนี้ขึ้น โดยประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทคือ ลดต้นทุนการผลิต ป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบขยายผลิตภัณฑ์สินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ตรงตามความต้องการลูกค้ามากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในอนาคต
นอกจากนี้โครงการ Green Mill จะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายกับกลุ่มธุรกิจของ MILL โดยจะช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตของบริษัท และสามารถนำเศษเหล็ก (Scrap) มาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์จากเศษเหล็กได้คุ้มค่า และช่วยลดการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต้องพึ่งพิงจากแหล่งวัตถุดิบในต่างประเทศ ที่สำคัญได้เลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นเทคโนโล ยีที่ช่วยในการประหยัดพลังงานอันจะช่วยลดมลภาวะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตเดิม
นายสิทธิชัยกล่าวต่อในช่วงท้ายว่าขณะนี้ความต้องการใช้เหล็กของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทำให้มั่นว่าในปี 2553 จะสามารถผลักดันผลประกอบการของ MILLให้แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
IR network : คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) e-mail : [email protected] .th
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว (มิกซ์) e-mail : [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit